อสรพิษ ทางการเมืองที่ขัดขวางการเดินหน้าประเทศ

188

เกาไม่ถูกที่คัน ทำไม่ถูกกาละเทศะ และมีอสรพิษข้างกาย น่าจะเป็น 3สิ่ง ที่รัฐบาลต้องผจญอยู่ ณ เวลานี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลเจอสภาวะวิกฤตรอบด้าน ทั้งเหตุแผ่นดินไหวไม่ทันตั้งตัว วิกฤตการส่งชาวอุยกูร์กลับ โดยที่ถูกมองว่าเอาใจจีน และไทยไม่ได้ผลดีอะไรกลับมาจากการกระทำนี้ แถมเจอกำแพงภาษีจากทรัมป์เข้าอย่างจัง 37% ต่อด้วยการพยายามเข็นการดันเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ อันมีกาสิโนเป็นหัวใจในช่วงจังหวะที่กำลังมีวิกฤติดังที่กล่าวมาข้างต้น

ชั่วโมงนี้ ไม่ใช่แค่รัฐบาลที่กำลังตกที่นั่งลำบาก “คนไทยกำลังตกที่นั่งลำบาก” เช่นกัน ลองคิดทบทวนไปพร้อมกันนะครับ พวกเราทุกคนกำลังบอบช้ำอย่างหนักกับทุกเรื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจที่เดินไปทางไหนก็รู้สึกซบเซา ดัชนีตลาดหุ้นตกต่ำหนักมาก แทบจะหนักกว่ายุคโควิด การเมืองก็วุ่นวาย มีสงครามการค้า กรณีนี้ที่ทรัมป์ขึ้นภาษีอาจจะมีคนไทยตกงานแน่ๆ

หายใจลึก ๆ นึกไปตาม ๆ กัน จากกรณีที่สหรัฐอเมริกาได้ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศไทยในอัตรา 36% (+1%) เป็นการประกาศขึ้นกำแพงภาษีในระดับที่สูงที่สุด จะเกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น เศรษฐกิจโลกน่าจะชะลอตัวอย่างรุนแรง และกลับมากระทบกับเศรษฐกิจในประเทศ สภาวะส่งออกจะน้อยลง รายได้ท่องเที่ยวก็อาจจะน้อยลง หรือไม่ ยังไม่เห็นภาพชัด ขนาดคนในสหรัฐยังออกมาประท้วงผู้นำตัวเองที่สร้างคงามปั่นป่วนหนักให้โลก หันมาดูกำลังซื้อในประเทศมีการคาดเดาว่าจะยิ่งแย่ลงไปอีกแน่นอน

ถ้าการส่งออกสะดุด กำลังซื้อมีปัญหา สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต คือต้องมีการปรับตัวและลดขนาดองค์กร รีดไขมัน ลดชั่วโมงการทำงาน ลดคนทำงานตามมาหรือไม่ ทุกคนอย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว นี่คือเรื่องที่จ่อคอหอยเราอยู่

รัฐบาลไทยบอกว่าเตรียมการเรื่องนี้ไว้นานแล้ว  ตั้งแต่ก่อนที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเสียอีก เขามีทีมไทยแลนด์เตรียมที่จะเจรจา ในฐานที่หลักคิดของคนแบบทรัมป์คือนักธุรกิจ เราต้องเจรจาเพื่อหาทางออก แต่ผลอดีตการที่เราเอนเอียงไปทางจีน รวมถึงมีการปล่อยให้สินค้าที่เราเสียดุลการค้าจากจีนหนักมากมีของทะลักเข้ามาแล้วใช้ไทยเป็นทางผ่านภาษีก็อาจจะมีความยากและซับซ้อนของปัญหาเข้าไปอีก

ยิ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลโดนกระแสกดดันและการตำหนิจากทั่วสารทิศในการเร่งผลักดันวาระเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรจนต้องยอมเลื่อนแต่ไม่ยอมเลิกและเปิดทางให้เรื่องกำแพงภาษีเป็นวาระที่ด่วนกว่าเข้าสภาก่อน มิเช่นนั้นจะโดนรุมเรื่องกาละเทศะหลังจากเราเจอวิกฤตรอบด้านแต่ทำไมต้องดันเรื่องนี้ก่อน ถือว่าพอตัดไฟตั้งแต่ต้นลมได้ แต่ถึงกระนั้นยังมิวาย เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยในฐานะบุตรชายผู้ยิ่งใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน รีบเล่นใหญ่ในสภา มาคัดค้านทั้งที่ไม่มีการพูดเรื่องนี้ “เล่นการเมือง” นำความเดือดร้อนประชาชน แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใหญ่แต่ไม่แคร์ขอมีซีนไว้ก่อน ยังไม่รวม สว.กลุ่มที่ถูกขนานนามว่าฮั้วกันมาเล่นใหญ่รัชดาลัยรวมตัวกันค้านอย่างสุดขีดเช่นกัน ปาะชาชนทั้งประเทศทราบดีว่ามีการกดปุ่มได้?

ดังนั้น 2มูฟเม้นต์สำคัญนี้มีวาระซ่อนเร้นในการเล่นเกมการเมืองมากกว่าความเห็นหัวประชาชน แต่รัฐบาลเองก็เตะหมูเข้าปากให้เขาไล่งับเอง  หากยังปล่อยให้มีอสรพิษใกล้ตัว หยุมหัวแบบไม่เกรงใจกันทุกวันคืนแบบนี้รัฐบาลจะไม่สามารถเดินหน้านโยบายอะไรได้เลย จะโดนกดดัน ต่อรอง เล่นใหญ่ หาซีน หาแสงกันแบบไม่รู้จบ ทั้งที่ตัวเขาเองก็มิได้มีการทำงานได้เด่นชัด แถมแว้งมาสกัดทุกอย่าง จะอยู่กันแบบนี้ไปอีก2ปีขี่คอ กดดันแบบที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้

ในขณะที่ปัญหาอันมาจากนโยบายกัญชานำพาปัญหาให้ประเทศ กลิ่น และการสูบเสรีเกินขอบเขตหรือไม่ไร้การจัดการ เราจะต้องทนสภาวการณ์แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราจะเจอแต่นักเลือกตั้งที่คิดแต่การเมืองมากกว่าประโยชน์ประชาชน เรายังเห็นว่านี่คือเรื่องปกติอีกหรือไม่?

ทั้งนี้ ประเทศไทยคงต้องอยู่ในระเบียบโลกใหม่ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สร้างขึ้นมาไปอีกระยะใหญ่ ๆ ไม่รู้ว่าสงครามการค้าครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ การพยุง กระตุ้น และฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศจึงเป็นโจทย์สำคัญการลงทุนขนานใหญ่ โครงการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจจะจำเป็นอย่างมาก อย่าปล่อยให้นักการเมืองที่เข้าสู่อำนาจ และเข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์มีที่ยืน ก่อนที่ตัวเองจะไร้ที่ยืนเช่นกันถ้าไม่มีการเด็ดขาด กำจัดอุปสรรคการทำงาน เพราะไม่มีทางที่การเดินไปข้างหน้าจะเกิดขึ้นได้จากการที่มีคนเตะตัดขามาตลอด มิเช่นนั้นเรื่องดิจิทัลวอลเลต เรื่องนโยบายแก้รัฐธรรมนูญจะถูกนักการเมืองเหล่านี้ เอาอนาคตประเทศเป็นตัวประกันไม่รู้จักจบจักสิ้น!