ตำรวจไซเบอร์รวบสาวใหญ่เปิดแทงพนันไก่ชนออนไลน์ เงินหมุนนับแสนต่อวัน พร้อมล่าขบวนการบุหรี่ไฟฟ้า สินเชื่อนอกระบบ อาวุธปืน และหลอกลวงออนไลน์
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช.ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันอังคารที่ 8 เม.ย.68 เวลา 14.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 และพล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์รวบสาวใหญ่เปิดแทงพนันไก่ชนออนไลน์ เงินหมุนนับแสนต่อวัน พร้อมล่าขบวนการบุหรี่ไฟฟ้า สินเชื่อนอกระบบ อาวุธปืน และหลอกลวงออนไลน์
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้
1. จับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 1 ราย
– เจ้าของกลุ่มไลน์พนันออนไลน์ไก่ชน เงินหมุนเวียนกว่า 1 แสนบาทต่อวัน จำนวน 1 ราย
2. จับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนออนไลน์และบุหรี่ไฟฟ้า จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 2 ราย
– แอดมินกลุ่มไลน์ขายบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1 ราย
– ผู้ครอบครองระเบิดสังหารและอาวุธปืนผิดกฎหมาย จำนวน 1 ราย
3. จับกุมเครือข่ายเงินกู้นอกระบบ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย
– ปล่อยเงินกู้นอกระบบ จำนวน 4 ราย
4. จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย
– เครือข่ายหลอกขายเครื่องสำอางราคาถูก เสียหายกว่า 20,000 บาท จำนวน1 ราย
– เครือข่ายอ้างการไฟฟ้าส่ง SMS หลอกติดตั้งแอปดูดเงิน เสียหาย 580,000 บาท จำนวน 1 ราย
– เครือข่ายปลอมเป็นตำรวจสุรินทร์โทรข่มขู่โอนเงิน เสียหายหลายแสนบาท จำนวน 1 ราย
– เครือข่ายหลอกลงทุนเทรดทองคำ เสียหายกว่า 500,000 บาท จำนวน 1 ราย
จับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์

ปฏิบัติการที่ 1 : กก.3 บก.สอท.5 รวบสาวใหญ่เปิดแทงพนันไก่ชนออนไลน์ เงินหมุนนับแสนต่อวัน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพบผู้กระทำความผิดบนสื่อสังคมออนไลน์ ตรวจสอบพบ ผู้ใช้งานบัญชี TIKTOK ชื่อบัญชี “โฟน น้องเฌอแตม” ได้โพสต์วิดีโอและแปะลิงค์เพื่อเข้าสู่กลุ่มไลน์ ชื่อ “ปี่เซียะ168” พบว่า มีการจัดการเล่นการพนันไก่ชน โดยเปิดให้แทงการพนันผ่านแอปพลิเคชัน LINE รวมทั้งยังเปิดกลุ่มให้เล่นการพนันประเภทอื่นๆ เช่น ไฮโล ป๊อกเด้ง เป็นต้น โดยมีเจ้ามือรับกินรับใช้และจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นศาลแขวงดอนเมือง เพื่อเข้าค้นในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งภายหลังได้นำกำลังเข้าตรวจค้น บ้านหลังหนึ่ง ในซอยพหลโยธิน 54/1 แยก4-12 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ผลการตรวจค้นสสามารถจับกุมตัว น.ส.ดวงดาว หรือ ดาว อายุ 41 ปี พร้อมของกลางได้แก่ โทรศัพท์มือถือ Samsung รุ่น Galaxy A22 5G จำนวน 1 เครื่อง และสมุดจดรายการสรุปยอดพนัน (ไก่ชนออนไลน์) จำนวน 1 เล่ม
จากการสอบถาม น.ส.ดวงดาวรับว่าตนได้รับแทงพนันไก่ชนแบบออนไลน์ ผ่านกลุ่มไลน์ โดยมีเงินหมุนเวียนนับแสนบาทต่อวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการดังกล่าว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนออนไลน์และบุหรี่ไฟฟ้า
ปฏิบัติการที่ 2 : กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 รวบแอดมิน Line Official ลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์กลางเมืองร้อยเอ็ด
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีบัญชี Line Official ชื่อบัญชี “HappyRelx” ได้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้น อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทดลองล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าแบบดูดแล้วทิ้ง จำนวน 1 ชิ้น ผู้ขายจึงตกลงขายให้ในราคา 500 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงโอนเงินและนัดรับสินค้า บริเวณร้านกาแฟแห่งหนึ่งภายในปั๊มน้ำมัน ถ.ราชการดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ต่อมาได้มีชายรายหนึ่งนำบุหรี่ไฟฟ้ามามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปลอมตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดตัวเข้าจับกุม
ตรวจสอบพบว่าชายดังกล่าวคือ นายชิราวุฒิ อายุ 31 ปี เบื้องต้นยอมรับว่า บุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวเป็นของตน เพื่อนำมาส่งให้แก่ลูกค้า จากการตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือ พบแอปพลิเคชันไลน์ ที่มีบัญชี Line Official ชื่อบัญชี “HappyRelx” เมื่อตรวจสอบภายประวัติการสนทนา พบประวัติแชทซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ภายหลังเจ้าตัวยอมเปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองยังมีบุหรี่ไฟฟ้าที่ซุกซ่อนไว้ภายในห้องเช่าของตน ในพื้นที่ ม.1 ต.ดงลาน อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด จึงได้นำตัวไปตรวจค้น
ผลการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ จำนวน 120 ชิ้น มูลค่ารวมประมาณ 20,000 บาท ถูกเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อรอขายให้แก่ลูกค้าที่ติดต่อสั่งซื้อ เบื้องต้น นายชิราวุฒิอ้างว่า ตนเองได้รับการว่าจ้างจากหญิงสาวรายหนึ่ง อายุประมาณ 20 ปีเศษ ให้เป็นผู้ดูแลบัญชีไลน์ “Happy Relx” และคอยขายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่ผู้ที่ติดต่อสั่งซื้อ โดยได้ค่าจ้างประมาณ 400 บาทต่อวัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรและขายสินค้าที่คณะกรรมการกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคห้ามขาย(บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า) ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 ลง 28 ม.ค.2558” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลไปยังผู้บงการ เพื่อนำตัวมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.4 บก.สอท.5 รวบหนุ่มสตูล ครอบครองระเบิดสังหารและลูกซองสั้นหักลำ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด Cyber Guard ได้สืบสวนพบว่า นายฮัสซัน อายุ 28 ปี ซึ่งปัจจุบันพักอยู่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.6 ต.ควนขัน อ.เมืองสตูล จ.สตูล อาจมีอาวุธปืนผิดกหมายซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสตูลเพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้น บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.6 ต.ควนขัน อ.เมืองสตูล จ.สตูล พบภรรยาของนายฮัสซันฯ อยู่ภายในบ้าน และได้โทรศัพท์ติดตามให้นายฮัสซันฯ กลับมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการตรวจค้นพบ ลูกระเบิดมือสังหาร ไม่ทราบชนิด จำนวน 1 ลูก, อาวุธปืนพกสั้นลูกซองแบบหักลำ ใช้ยิงกับกระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 ไม่มียี่ห้อผู้ผลิต ไม่มีหมายเลขประจำปืน ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนปืน จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด และ ปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ผ่านการยิงแล้ว จำนวน 9 ปลอก วางซุกซ่อนรวมกันอยู่ใต้ราวแขวนผ้าภายในห้องนอนของ นายฮัสซันฯ
สอบถามเบื้องต้น นายฮัสซันฯ เปิดเผยว่า ของกลางทั้งหมดที่พบเป็นของตนเองจริง โดยซื้อมาจากผู้ค้าที่รู้จักกันในเฟซบุ๊ก โดยลูกระเบิดมือ ซื้อมาราคา 2,500 บาท, อาวุธปืนราคา 7,000 บาท และกระสุนปืนลูกซอง ราคานัดละ 80 บาท โดยตนซื้อมา จำนวน 10 นัด แต่นำมายิงเล่นไปแล้ว 9 นัด จึงเหลืออยู่ 1 นัด
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมเร่งสืบสวนขยายผลไปยังขบวนการลักลอบขายอาวุธปืนผิดกฎหมายออนไลน์ต่อไป
จับกุมเครือข่ายเงินกู้นอกระบบ

ปฏิบัติการที่ 4 : กก.1 บก.สอท.5 ปูพรมกวาดล้างนายทุนเงินกู้เอี่ยวเว็บพนัน จ.กระบี่
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 เม.ย.68 เวลา 06.00 น. พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 ได้ปล่อยแถวข้าราชการตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 ออกกวาดล้างจับกุมนายทุนเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชน ทวงหนี้โดยการประจานหรือใช้ความรุนแรง โดยเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 3 แห่ง มีผลการปฏิบัติดังนี้
จุดที่ 1 เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก หมู่ 10 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ จับกุม น.ส.เอ อายุ 28 ปี ปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ผ่าน Facebook จะเรียกเก็บดอกลอยวันละ 100 – 500 บาท หากลูกหนี้ผิดนัด ก็จะโพสต์ประจานลูกหนี้ นอกจากนี้ยังพบว่า น.ส.เอ มีพฤติการณ์ชักชวนให้เล่นการพนัน โดยการแปะลิงก์เว็บพนัน Lsm99ai ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนดำเนินคดี
จุดที่ 2 เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก ถ.รวมใจชน ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ จับกุม น.ส.บี อายุ 33 ปี ปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่าน Facebook ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 25 ต่อเดือน หรือ ร้อยละ 300 ต่อปี
จุดที่ 3 เข้าตรวจค้นบ้านพัก หมู่ 5 ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ จับกุม น.ส.ซี อายุ 48 ปี ปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ผ่าน Facebook พร้อมด้วยของกลาง สมุดรายการลูกหนี้ จำนวน 3 เล่ม โดยเรียกเก็บดอกลอย วันละ 100-200 บาท จนกว่าจะชำระเงินต้นคืน
ตำรวจไซเบอร์ขอยืนยันว่า จะเดินหน้าขุดรากถอนโคนอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมที่เอารัดเอาเปรียบและสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน”
ปฏิบัติการที่ 5 : กก.4 บก.สอท.5 รวบสาวพัทลุงปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผิดนัดจ่ายโพสต์ประจาน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด Cyber Guard กก.4 บก.สอท.5 ได้สืบสวนพบว่ามีบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “รุ่งทิพย์ ปล้องไหม” ได้โพสต์ข้อความลักษณะเสนอเงินกู้ (นอกระบบ) เงินทุนหมุนเวียน ดอกลอย รายวัน ในเฟซบุ๊กของตนเอง โดยผู้ที่ผิดนัดชำระหนี้จะถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลมาโพสต์ประจานลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นจากศาล และได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.4 ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง พบ น.ส.รุ่งทิพย์ อายุ 33 ปี ตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือ พบภาพถ่ายสัญญาเงินกู้ระหว่าง น.ส.รุ่งทิพย์ กับลูกหนี้จำนวนหลายราย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยการจัดมาซึ่งเงินทุน แล้วให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58” เบื้องต้นเจ้าตัวยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
ปฏิบัติการที่ 6 : กก.1 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกขายเครื่องสำอางราคาถูก เหยื่อโอนเงินแล้วบล๊อกหนี
สืบเนื่องจากผู้เสียหายพบเฟซบุ๊ก ชื่อ “ของถูกร้านเจ้เล้ง” ได้โพสต์ขายเครื่องสำอางราคาถูก ผู้เสียหายสนใจ จึงได้ติดต่อไปยังเพจดังกล่าวและได้ทำการสั่งซื้อเครื่องสำอาง จำนวน 3 รายการ จากนั้นได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่เพจดังกล่าวแจ้งไว้ แต่ปรากฏว่าไม่มีการส่งสินค้าจริงและติดต่อเพจดังกล่าวไม่ได้อีก
สุดท้ายสูญเงินไปกว่า 20,000 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการได้หลายราย โดยล่าสุดได้นำกำลังเข้าจับกุม นายชลธี อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลอาญาอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.100/2568 ลงวันที่ 23 ม.ค.68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวงนำเข้าสุ่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเองหรือกิจการที่ตนเองเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่น” เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่รับว่าเคยเปิดบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่น จำนวน 2 บัญชี จึงนำตัวส่งดำเนินคดีพร้อมติดตามผู้ต้องหาในขบวนการรายอื่นๆ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ปฏิบัติการที่ 7 : กก.3 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายอ้างการไฟฟ้าส่ง SMS หลอกติดตั้งแอปดูดเงิน
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับข้อความจาก SMS แจ้งว่า ผู้เสียหายได้รับเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA คืนตามขนาดของมิเตอร์ที่ใช้ จำนวน 1,500 บาท ต่อมา คนร้ายได้โทรหาผู้เสียหายและขอข้อมูลส่วนตัว อาทิ เลขบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร เป็นต้น แต่ผู้เสียหายไม่สะดวกจึงขอแอดไลน์ ชื่อ “การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคPEA” อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า จากนั้นหลอกให้ผู้เสียหายกดลิงก์เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม แล้วลวงให้ผู้เสียหายทำการสแกนใบหน้า ต่อมาได้แจ้งให้ผู้เสียหายถ่ายภาพบัตรประชาชนและข้อมูลเลขที่บัญชีธนาคาร สุดท้าย เงินในบัญชีของผู้เสียหายถูกโอนออกไปทั้งสิ้น 580,000 บาท
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวขได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการได้หลายราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.กมลรัตน์ อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี จ.462/2568 ลง24 มี.ค.68
ในข้อหา“ร่วมกันลักทรัพย์โดยรวมว่าเป็นเจ้าพนักงานและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงน้ำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชนและร่วมกันกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการนำเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนและรวมกันทำให้เสียหาย ทำลายแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่นและร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยไม่ชอบในหลักการที่น่าจะเกิดให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชนในการชำระค่าสินค้าค่าบริการหรือหนี้อื่นใดแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด” เบื้องต้น ผู้ต้องหาปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตนแค่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร
ปฏิบัติการที่ 8 : กก.4 บก.สอท.1 รวบสาวเบญจเพส เครือข่ายปลอมเป็นตำรวจสุรินทร์โทรข่มขู่โอนเงิน
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายโทรศัพท์มาหลอกลวงว่าเป็นบริษัทขนส่งของเอกชนรายหนึ่ง อ้างว่าผู้เสียหายได้ส่งพัสดุผิดกฎหมาย ต่อมาได้ให้แจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ปลอม จากนั้นตำรวจแจ้งว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน แล้วข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินไปเพื่อตรวจสอบ มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปทั้งสิ้นหลายแสนบาท
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับศาลอาญา ที่ 21/2568 ลงวันที่ 2 ม.ค.68 เข้าจับกุมนางสาวมาลินี อายุ 25 ปี ในข้อหา
“เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” โดยควบคุมตัวได้ที่บริเวณหน้าร้านเป็ดอร่อย ต.ดอนทราย อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เบื้องต้นผู้ต้องหารับว่า ตนเองได้รับจ้างเปิดบัญชีออนไลน์ทั้งสิ้น จำนวน 3 บัญชี โดยได้เงินค่าจ้างเปิดบัญชี จำนวน 2,000 บาทต่อบัญชี
ปฏิบัติการที่ 9 : กก.3 บก.สอท.5 รวบสาวบัญชีม้า ร่วมขบวนการหลอกลงทุนเทรดทองคำ
สืบเนื่องจากผู้เสียหายพบโฆษณาบนเฟซบุ๊กโดยใช้ภาพของบุคคลที่มีชื่อเสียงเชิญชวนให้ร่วมลงทุน ประเภทการเทรดทองคำ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงสมัครร่วมลงทุนด้วย โดยเมื่อโอนเงินแล้วปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนจริง เสียหายรวมกว่า 5 แสนบาท
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิดได้หลายราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุม นางสาวศศิประภา อายุ 36 ปี บัญชีม้าในขบวนการ ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ 487/2568 ลงวันที่ 26 มี.ค.68ในความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นคนอื่น,ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์ หรือ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด” เบื้องต้น ผู้ต้องหาปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า เพื่อนของตนเองได้ขอยืมบัญชีธนาคารเพื่อนำไปสมัครงาน แต่มาทราบภายหลังว่า บัญชีธนาคารของตนเองกลับถูกนำไปใช้เป็นบัญชีม้า