ตำรวจไซเบอร์จับกุมเสี่ยเมืองคอน ขายหวยใต้ดินออนไลน์

108

ตำรวจไซเบอร์จับกุมเสี่ยเมืองคอน ขายหวยใต้ดินออนไลน์ พร้อมรวบแก๊งหลอกลงทุนทางคอมพิวเตอร์
 

ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุคDigital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568โดย
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช.
ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ
รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
 
วันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย.68 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.กฤตัชญ์บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์จับกุมเสี่ยเมืองคอน ขายหวยใต้ดินออนไลน์ พร้อมรวบแก๊งหลอกลงทุนทางคอมพิวเตอร์
 
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมกันเร่งปราบปรามการกระทำผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้

  1. จับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 1 ราย
  • เครือข่ายหวยใต้ดิน จำนวน 1 ราย
  1. จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย
       – เครือข่ายหลอกลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เสียหาย 1.4 ล้าน จำนวน 1 ราย
       – เครือข่ายรวบเครือข่ายหลอกให้กู้เงินออนไลน์ จำนวน 1 ราย
  • รวบเครือข่ายหลอกลงทุนหุ้นออนไลน์ปลอม เสียหาย 2.4 ล้าน จำนวน 1 ราย 

    จับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ หวยออนไลน์
     
    ปฏิบัติการที่ 1 : กก.3 บก.สอท.5 รวบเสี่ยเมืองคอน ขายหวยใต้ดินออนไลน์
    สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 จึงได้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดบนสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก ประกอบกับพบว่า นายรัตนชัยหรือมอสฯ มีพฤติการณ์เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ขายสลากกินรวบ (หวยใต้ดิน) ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นศาลแขวง
ทุ่งสง เพื่อเข้าค้นในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 2 จุดสำคัญ
     
    ต่อมาวันที่ 1 เม.ย.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้นำลังเข้าตรวจค้นในพื้นที่ อ.ทุ่งสงและ อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช เข้าตรวจสอบเป้าหมายที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 9 ต.วังหิน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช  สามารถจับกุมตัวนายรัตนชัยหรือมอสฯ อายุ 51 ปี พร้อมของกลางประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Realme รุ่น Note50 และสมุดบัญชีสีน้ำเงินสำหรับจดหวย จำนวน 1 เล่ม
     
    จากการสอบถามนายรัตนชัยหรือมอสฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรับว่าตนได้ส่งหวยต่อไปยังเจ้ามือรายใหญ่ในพื้นที่ทุ่งสง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ทุ่งสงและพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 จะได้สืบสวนเชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป
     
    เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “จัดให้มีการเล่น (เจ้ามือรับกินรับใช้) หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน (หวยออนไลน์) ในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหรือรับอนุญาตแล้วแต่เล่นพลิกแพลงหรือผู้ใดเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวง หรือข้อความในใบอนุญาต”
     
    จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์
     
    ปฏิบัติการที่ 2 : กก.3 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เสียหาย 1.4 ล้าน
    สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ รวมเป็นเงิน 1,485,600 บาท แต่ไม่เคยได้รับเงิน เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาได้หลายราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายธารา อายุ 43 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4941/2567 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2567ในความผิดฐาน“ร่วมกัน, ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และฟอกเงิน” เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าเป็นเจ้าของบัญชีแต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการหลอกลวงแต่อย่างใด
     
    ปฏิบัติการที่ 3 : กก.3 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกให้กู้เงินออนไลน์
    สืบเนื่องจากกลุ่มคนร้ายได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือมาให้ผู้เสียหาย โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการกู้เงินออนไลน์ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ติดต่อกับกลุ่มคนร้าย ต่อมากลุ่มคนร้ายได้ใช้กลอุบายให้ผู้เสียหายโอนเงินให้คนร้ายเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการกู้เงิน แต่เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มคนร้ายแล้ว ก็ไม่สามารถกู้เงินได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอก ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมายจนคดีถึงที่สุด
     
    ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.1 นำหมานจับศาลอาญา ที่ 1102/2567 ลงวันที่ 14 มี.ค.67 เข้าจับกุมตัวนายสมบูรณ์ อายุ 37 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”
     
    ปฏิบัติการที่ 4 : กก.4 บก.สอท.3 รวบเครือข่ายหลอกลงทุนหุ้นออนไลน์ปลอม เสียหาย 2.4 ล้าน
    สืบเนื่องจากผู้เสียหายสนใจลงทุนซื้อขายหุ้น จึงสอบถามข้อมูลจากเพจ SD Trading บน Facebook 
ได้มีคนร้ายได้ติดต่อมา แอบอ้างเป็นบริษัท Penfold ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ UBS Co, ltd เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นให้ผู้เสียหายดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน PENFOLD ปลอม อ้างว่าได้หุ้นมาในราคาถูกกว่าตลาด และมีผลกำไรสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินลงทุนไปทั้งสิ้น รวมทั้งสิ้น 2,460,500 บาท แต่สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินได้
     
    ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายได้สำเร็จ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.3 นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.สุจารีรย์ อายุ 33 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันข้อมูลบิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน, ปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก” โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 7 ต.ห้วยหิน อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจไซเบอร์ขยายผลเครือข่ายฟอกเงิน “เอ็ม เอกชาติ”ตรวจยึดรถแต่ง 5 คัน รวมมูลค่ากว่า 13.5 ล้าน
 
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุคDigital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
 
วันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย.68 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร
รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4, พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ขยายผลเครือข่ายฟอกเงิน “เอ็ม เอกชาติ”

ตรวจยึดรถแต่ง 5 คัน รวมมูลค่ากว่า  13.5 ล้าน
 
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้จับกุม นายเอกชาติ หรือ เอ็ม อายุ 32 ปี พร้อมพวก รวม 6 คน กรณีเกี่ยวข้องการฟอกเงินพนันออนไลน์ โดยดำเนินคดีในข้อหา “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” พร้อมตรวจยึดทรัพย์ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จำนวน 138 รายการ รวมมูลค่ากว่า 50ล้านบาท ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจากพยานหลักฐานและเส้นทางการเงิน ทราบว่า นายเอกชาติ หรือ เอ็ม
ยังมีทรัพย์สินอื่นๆ และรถยนต์อีกหลายสิบคันโดยฝากไว้กับบุคคลอื่นหลายคนในต่างสถานที่กัน

โดยหลังจากข่าวดังกล่าวปรากฎออกสู่สาธารณะ ปรากฏว่าบุคคลที่ครอบครองรถยนต์ของ นายเอกชาติ
ได้ติดต่อเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง
ต่อเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับที่มาของรถดังกล่าว
 
โดยล่าสุด ได้มีผู้นำรถยนต์ของ นายเอกชาติ หรือ เอ็ม มามอบให้แก่เตำรวจไซเบอร์แล้ว 2ราย จำนวน 5 คัน มูลค่ารวมกว่า 13,500,000บาท รายละเอียด ดังนี้

  1. นายวรุณ ผู้บริหาร บริษัท อ้วนรถซิ่ง จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ถ.ราชพฤกษ์ ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด
จ.นนทบุรี ได้นำรถมามอบให้ตำรวจไซเบอร์จำนวน 2 คัน ได้แก่
  • รถยนต์ ยี่ห้อ นิสสัน รุ่น สกายไลน์-อาร์ 34ผ่านการปรับแต่ง มูลค่าประมาณ 4,000,000 บาท
  • รถยนต์ ยี่ห้อ นิสสัน รุ่น สกายไลน์-อาร์ 34ผ่านการปรับแต่ง มูลค่าประมาณ 6,000,000 บาท
     
    2.นายอนุวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท เอ็นเอส 1000จำกัด (จัดปรับแต่งเครื่องยนต์เกี่ยวกับรถแข่งด้วย) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ได้นำรถมามอบให้ตำรวจไซเบอร์ จำนวน 3 คัน ได้แก่
  • รถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ ออนิวส์ ผ่านการปรับแต่งมูลค่าประมาณ 1,000,000  บาท
  • รถแดร็กเตอร์หน้ายาว (รถที่ประกอบขึ้นมาเพื่อใช้ในการแข่งขันเท่านั้น) สีเหลือง ไม่มีทะเบียน มูลค่า ประมาณ 4,000,000  บาท
  • รถยนต์ สเปคเฟรม (รถที่ประกอบขึ้นมาเพื่อใช้ในการแข่งขันเท่านั้น) สีเหลือง ไม่มีทะเบียนมูลค่าประมาณ 1,000,000 บาท
     
    เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการตรวจยึดรถยนต์ดังกล่าวไว้ทำการตรวจสอบ หากพบว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจาก
การกระทำความผิด หรือแปรสภาพมาจากทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะดำเนินการ
ตามกฎหมายทั้งทรัพย์สินและบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือให้ความช่วยเหลือต่อไป

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#ตร.ไซเบอร์#ข่าวอาชญากรรมวันนี้#เอม เอกชาติ