ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ระดมกวาดล้างก่อนเทศกาลสงกรานต์ 2568 ตามรวบ12ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาชญากรรมออนไลน์

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปรก.บก.ทล., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.3 บก.ทล., พ.ต.ท.ตุลยวัต เมืองทอง รอง ผกก.3 บก.ทล. พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สวญ.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., ว่าที่ พ.ต.ต.บดี ดวนพล สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร.ต.อ.ภิเชศ นาเมืองรักษ์ รอง สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., ร.ต.ท.ภาสพงศ์ แพงคำ รอง สว.(ป.) ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., ด.ต.ธีรวัฒน์ นาเมืองรักษ์, จ.ส.ต.เกียรติศักดิ์ ไก่แก้ว, จ.ส.ต.คมกริช นกแก้ว, ส.ต.อ.พีระพล นิลเนตร ผบ.หมู่. ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 12 ราย รวม 13 หมายจับ ดังนี้
1.นางสาวสายฝนฯอายุ 21 ปี
2.นางสาวพิยดาฯอายุ 20 ปี
3.นางสาวทิติยาฯอายุ 27 ปี
4.นางสาวศุภิสราฯ อายุ 21 ปี
5.นายนพดลฯอายุ 29 ปี
6.นางสาววิรัญยาฯ อายุ 27 ปี
7.นายพรเทพฯอายุ 38 ปี
8.นางสาวสุดารัตน์ฯ อายุ 37 ปี
9.นางสาวบุษกรฯ อายุ 30 ปี
10.นางสาวแสงรวีฯ อายุ 22 ปี
11.นางสาวดุจเดือนฯอายุ 23 ปี
12.นางสาวพัชราฯอายุ 45 ปี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากห้วงระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับ อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน และบุคคลตามหมายจับ ในระหว่างวันที่ 21-30 มีนาคม 2568 ทาง ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล. ได้จับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล ในข้อหา 1.ฉ้อโกงประชาชน 2.นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ และ 3.เปิดบัญชีม้าฯ ตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี ผู้ต้องหาจำนวน 12 ราย รวม 13 หมายจับ จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้มีพฤติการณ์รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ฝั่งประเทศกัมพูชาและถูกนำบัญชีเหล่านี้ไปใช้ ในการหลอกลวงประชาชนทั่วทั้งประเทศ พบว่ามีผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามพื้นที่ต่างๆ จนกลุ่มผู้ต้องหานั้น ได้หลบหนีจากภูมิลำเนาเดิม จากการข่าว มักจะมาหลบซ่อนและประกอบอาชีพรับจ้าง ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้สืบสวนหาข่าว และเข้าทำการจับกุมในช่วงระดมที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า ได้รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้กับขบวนการคอลเซ็นเตอร์จริง บางรายได้ข้ามไปทำงานที่ฝั่งประเทศกัมพูชากับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ แต่เมื่อบัญชีถูกอายัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทำการข้ามกลับมายังฝั่งประเทศไทยและมีพฤติการณ์หลบหนีคดีตามที่ได้แจ้งมาข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยข้อกล่าวหาข้างต้นมีโทษตามกฎหมายดังนี้
1.ป.อาญา มาตรา 343 วรรค2 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชนโดยทุกจริตแสดงตนเป็นคนอื่นฯ โทษ จำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-140,000 บาท ยอมความไม่ได้
2.พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
3.พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2566 มาตรา 9 ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สวญ.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล. โทร. 085-3692956