ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มพกปืนไม่มีใบอนุญาต 2 ราย พร้อมจับผู้ต้องหาปล้นทรัพย์ อ้างเพื่อนชวนปล้นทอง หาเงินเสพยา

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม,พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.อุดมศักดิ์ สุวรรณแสง, พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ งามแฉ่ง รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.ปริญญา รักษาแก้ว สวญ.ส.ทล.5 กก.2 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ตุลา สว่างรัตน์ สว.ส.ทล.5 กก.2 บก.ทล., ร.ต.อ.นพดล รุ่งแดง รอง สว.ส.ทล.5.กก.2 บก.ทล., ร.ต.ท.เฉลิมพร เวชสุนทร รอง สว.(ป.).ส.ทล.5.กก.2 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.5 กก.2 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุม
- นายสมนึกฯ อายุ 59 ปี
- นายอนันตชัยฯ อายุ 45 ปี
- นายสมพงษ์ฯ อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับจากศาลจังหวัดกระบี่ ที่ 25/2567
ลงวันที่ 22 มกราคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส โดยใช้ยานพาหนะฯ”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้เปิดปฏิบัติการเชิงรุกตั้งจุดตรวจและออกลาดตระเวนบนถนนสายสำคัญทั่วจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท โดยขณะเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจบริเวณทางหลวงหมายเลข 4133 กม.1 ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน พบรถยนต์กระบะต้องสงสัยสีเทา ขับขี่มาด้วยท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจสอบ พบคนขับชื่อนายชาติ (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี จากการตรวจค้นภายในรถ พบอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง โดยไม่มีใบอนุญาตครอบครอง เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พุนพิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดเดิมออกตรวจพื้นที่ไปยังถนนทางหลวงหมายเลข 44 กม.114 ต.เคียนซาอ.เคียนซา พบรถกระบะสีเขียว-เทา ขับย้อนศรในลักษณะน่าสงสัย เมื่อตรวจค้นพบผู้ขับขี่คือ นายมานพ(นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ซุกซ่อนอาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนที่เอวด้านขวา โดยไม่มีใบอนุญาตครอบครองเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมส่ง สภ.เคียนซา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานีได้รับแจ้งเบาะแสว่านายสมชาย (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์สะเทือนขวัญในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ได้ปรากฏตัวอยู่ที่สถานีรถไฟนาสาร ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบวางแผนลงพื้นที่เข้าตรวจสอบทันที โดยย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 00.30 น. นายสมชาย พร้อมพวกอีก 2 คน ได้วางแผนบุกบ้านผู้เสียหายในพื้นที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยเห็นว่าผู้เสียหายสวมใส่สร้อยคอทองคำเป็นประจำ และต้องการนำทองไปขายเพื่อแบ่งเงินกันใช้ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ กลุ่มคนร้ายพยายามเข้าทำร้ายเจ้าของบ้านเพื่อร่วมกันปล้นทรัพย์ แต่ผู้เสียหายไหวตัวทันและใช้มีดพร้าฟันนายสมชายจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่เพื่อนร่วมก่อเหตุจะเข้าช่วยกันใช้ไม้รุมตีผู้เสียหายจนหมดสติ จากนั้นได้ชิงสร้อยคอทองคำและหลบหนีไป ท่ามกลางความตื่นตระหนกของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง หลังก่อเหตุ นายสมชายได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ และซ่อนตัวมาเป็นเวลากว่า 1 ปี แม้เจ้าหน้าที่จะติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถจับตัวได้ จนกระทั่งได้รับเบาะแสล่าสุดว่า นายสมชายเดินทางมาปรากฏตัวที่สถานีรถไฟดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานีจึงแสดงตัวและแสดงหมายจับจากศาลจังหวัดกระบี่ จากนั้นได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาและนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา