‘การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งแรกกับรัฐบาลนี้ ดูจะมีปัญหาตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่ามีการจองกฐินในการซักฟอก ตั้งแต่ดราม่าการใส่-ไม่ใส่ชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่คนไทยรู้กันทั้งประเทศว่าเกี่ยวข้องกับการบริหารรัฐบาลนี้ ยกเว้น กกต. องค์อิสระ ที่ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่พอๆกับที่ไม่ได้ตรวจสอบ สว.สีน้ำเงินเหมือนกันนั่นแหละ แต่ประเทศนี้เป็นประเทศที่พิสดารไม่สามารถพูดความจริงกันอย่างตรงไปตรงมาได้ เลยต้องใช้วิธีการเลี่ยงบาลี หนีอ้อมไปข้างๆ ในการบรรจุญัตติในครั้งนี้‘

เนื้อหาการอภิปรายโดยเฉพาะปัญหาการทุจริต ประพฤติมิชอบคงต้องรอ “ใบเสร็จ”ในการชำระรัฐบาลจากฝ่ายค้าน ว่าจะมีการเปิดโปงโครงการหรือการยัดไส้อะไรที่ทำไปเพื่อพวกพ้องและเครือข่ายในการถลุงภาษีพี่น้องประชาชนเพื่อตนเองจะได้มีอำนาจบารมีรวมถึงเตรียมที่ทางสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะว่าถ้าใช้ทุนไปก็ถอนทุนคืน เตรียมกระสุนกรุยทางสร้างเก้าอี้เพื่อการต่อรองและหาผลปะโยชน์วนเป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้ไปเรื่อย ๆ นี่เป็นสิ่งที่ต้องรอข้อมูลและหลักฐานมัดตัว
แต่สิ่งที่ไม่ต้องรอหลักฐานใด ๆ คือ “ความไร้ความสามารถ” ในการบริหารประเทศ ของนายกฯ และคณะ ทุกคนลองหลับตานึกไปพร้อม ๆ กันว่าตั้งแต่พวกเขามาเราลืมตาอ้าปาก มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นหรือไม่แบบใด หรือเรากล้าสาบานว่าเราเล็งเห็นถึง “ศักยภาพ”ความเป็นผู้นำที่เป็นตัวของตัวเอง กล้าตัดสินใจ รวมถึงวิสัยทัศน์พาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองหรือไม่? คำตอบหาไม่ยากเลยสำหรับคำตอบนี้ เพียงไปเสิร์ชไปดูคลิปที่เวลาสื่อสัมภาษณ์หรือการพูดสปีชตามวาระต่าง ๆ ถามดังๆเลยว่า ท่านมีความเชื่อมั่นหรือไม่? คำตอบคือถ้าไม่ แล้วคิดว่านานาอารยประเทศ ต่างชาติ นักลงทุน ที่ไหนเขาจะโง่มาลงทุนกับความเสี่ยงนี้?
ทั้งหมดนี้มีที่มาตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเพราะ “ดีลแลกประเทศ” คือการเอาชะตากรรมของคน70ล้านไปวางไว้เพื่อให้คนคนเดียว กลับบ้านอย่างไม่ต้องอายฟ้าดิน แล้วให้ทายาทมาเล่นอยู่หน้าฉาก ถ้าการทำตามแบบแผนนี้ดี และได้ผลคนคงไม่ออกมาต่อว่าหรือตั้งคำถามกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่นีคือไม่มีอะไรดี นอกจากครอบครัวของคุณเท่านั้นที่ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาทุกอย่าง
ล่าสุดนักข่าวเลยได้ทีถาม “นายกฯตัวจริง”ว่า ประเด็นหนึ่งที่ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาคือ การดีลแลกประเทศ และดีลหลังจากนี้คือการดีลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นวาทกรรม เป็นพรรคคนรุ่นใหม่อย่าไปใช้วาทกรรมเยอะ ดูแล้วมันไม่เหมาะ ใครจะเอาประเทศไปแลก ใครมีสิทธิ์แลกประเทศ อย่าไปใช้วาทกรรมมันเลอะเทอะ หมดสภาพ
ทันทีที่อ่านเจอประโยคนี้ถึงกับตกใจ เพราะว่า สทร.ผู้นี้คือผู้ที่ประดิษฐ์วาทกรรมเก่งที่สุดและแต่ละครั้งปากนำพามาซึ่งหายนะทั้งสิ้น ทั้งคำว่า “โจรกระจอก”ที่สร้างปัญหาให้พื้นที่ภาคใต้วุ่นวายมาถึงวันนี้21ปีแล้ว หรือ UNไม่ใช่พ่อที่เคยพูดถึงการดำเนินมาตรการที่ผิดพลาดของรัฐบาลทักษิณ ตลอดจนผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ วันนี้ตัวของ สทร.เองดูจะเป็นคนมีบารมีในครอบครัวแต่นอกรัฐธรรมนูญตัวจริงเสียงจริงเสียงเอง
นอกจากนี้นายทักษิณ ยังกล่าวว่า อยากให้พรรคประชาชนเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่จริงๆ อายุนะใช่ อยากให้เป็นรุ่นใหม่จริงๆ คนรุ่นใหม่เขาตรงไปตรงมา ไม่ใช้วาทกรรม มีอะไรก็ถามกันตรงๆ ตอบกันตรงๆ แล้วก็จบ คนรุ่นใหม่เขาจะไม่ยืดเยื้อ ซึ่งดูแล้วคนที่ดูจะยืดเยื้ออาฆาตแค้น ทำตัวเหนือกฎหมาย ยุ่งเหยิงกับการบริหารประเทศมีอยู่คนเดียวจริงๆ
วันนี้ เทวดา นามว่า สทร.อาจจะคิดว่าตัวเองอยู่บนสวรรค์ ที่ดำรงชีพได้ด้วยการต่อรอง ตัวเองคือวงโคจรของระบบสุริยะจักรวาลการเมือง คิดว่าตัวเองอยู่สูง การพูด คิด ทำ เสนออะไรก็ได้ คิดว่าการอยู่บนสวรรค์วิมานของตัวเองจะทำให้เป็นเกราะป้องกันการถูกหักหลัง ถูกแทง ถูกกระทำรัฐประหารคงไม่มีแล้ว
เอาจริงก็ไม่แน่ใว่าถ้าหมดประโยชน์เป็นวัสดุสิ้นเปลืองเมื่อไหร่ คนที่มีอำนาจตัวจริงอาจจะปลดประจำการและทำให้วิมานสวรรค์ของท่านหล่นตุ๊บ!ลงมาบนดิน ถึงวันนั้นชายผู้นี้จะไม่มีผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่เรียกว่า “พี่น้องประชาชน”คอยโอบอุ้มต้อนรับมากมายอย่างในอดีตแล้ว เพราะถึงวันนี้เทวดายังไม่สามารถพิสูจน์ฝีมือได้เลย ดีแต่ใช้วาทกรรมแบบที่ว่าคนอื่นเป็นอย่างเดียว!
