กรุงเทพฯ วันที่ 23 มี.ค. นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (กอ.) เปิดเผยว่า กอ. มุ่งยกระดับเกษตรกรรมสู่เกษตรอุตสาหกรรม ตามนโยบายของ นายเอกนัฐ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ด้วยการนำระบบบริหารจัดการทางอุตสาหกรรมมาใช้ในการแปรรูป และพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรพื้นฐานสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มและเป็นที่ต้องการของตลาดในวงกว้าง โดยกอ. ได้ดำเนินโครงการแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน (One Province One Agro -Industrial Community : OPOAI-C) ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรไทย มีความมั่นคงด้านอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างหน่วยเศรษฐกิจ (Economic Unit) เป็นพลังตัวบวกและตัวคูณทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นภายในชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ
โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าไปพัฒนาเกษตรกร จำนวน 723 กลุ่ม กว่า 2,434 ราย ผ่านกิจกรรมอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตผลทางการเกษตร เช่น การยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมการตลาด และการบริหารจัดการองค์กรสู่ความยั่งยืน อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดกระบวนการคิด สร้างแผนธุรกิจ และจัดทำร่างต้นแบบผลิตภัณฑ์กว่า 229 ผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น ประเภทอาหาร 143 ผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่ม 41 ผลิตภัณฑ์ สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร 22 ผลิตภัณฑ์ ของใช้/ของประดับ/ของที่ระลึก 22 ผลิตภัณฑ์ ผ้า/เครื่องแต่งกาย 1 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรที่เกี่ยวข้องกว่า 44 ล้านบาท และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในชุมชนกว่า 223 ล้านบาท

จากการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ ในด้านต่าง ๆ ของโครงการดังกล่าวฯ จนนำมาสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ ของผู้ประกอบการ ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้มอบรางวัล Best Practice ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นรางวัลแห่งความมุ่งมั่น พัฒนาศักยภาพธุรกิจจนเป็นผู้ประกอบการดีเด่น จำนวน 6 ราย ได้แก่ 1) วิสาหกิจชุมชนแม่หญิงเบญจา จังหวัดกระบี่ พัฒนา “น้ำพริกดูโอ้” ที่รวมน้ำพริกแมงดาและน้ำพริกปลาทูในซองเดียว ได้มาตรฐาน อย. และใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่นกว่า 90% 2) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกข้าวโพดหวาน จังหวัดสุพรรณบุรี พัฒนาผลิตภัณฑ์ “ไอศกรีมข้าวโพดหวาน” มีเกษตรกรร่วมกลุ่ม 150 ครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูก 1,200 ไร่ สร้างรายได้ในชุมชนอย่างยั่งยืน
3) วิสาหกิจชุมชนกะปิหวานตาลโตนด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พัฒนา “แยมมะม่วงเบาน้ำปลาหวาน” ที่ผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นกับเทคนิคการผลิตสมัยใหม่ พร้อมต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น น้ำสลัด และครีมชีสมะม่วงเบา 4) วิสาหกิจชุมชนสวนผาสุกมัลเบอร์รี่ จังหวัดปราจีนบุรี พัฒนา “มิกซ์เบอร์รี่” ที่รวมสรรพคุณของเบอร์รี่ 5 สายพันธุ์ ไม่เติมน้ำและน้ำตาล

ได้รับมาตรฐาน อย. และรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ปี 2024 พร้อมถ่ายทอดความรู้และสนับสนุนชุมชนให้ปลูกพืชปลอดสารเคมี 5) วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลไม้ดอนยอ จังหวัดนครนายก พัฒนา “มะม่วงอบแห้งปรุงรสน้ำปลาหวาน” อบแห้งด้วยตู้อบลมร้อนและโดมพลังงานแสงอาทิตย์ สามารถเก็บรักษาได้นานกว่า 6 เดือน และยังสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ และ 6) วิสาหกิจชุมชนสกัดน้ำมันหอมระเหยนาทุ่ง จังหวัดชุมพร พัฒนา “ครีมสครับขัดผิวมะพร้าว” ที่นำกากมะพร้าวเหลือทิ้งมาเพิ่มมูลค่า พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น แชมพูน้ำมันมะพร้าวผสมสารสกัดสมุนไพร โดยรับซื้อมะพร้าวและพืชสมุนไพรกลิ่นหอมจากชุมชน มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
“กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวิสาหกิจชุมชนโดยเฉพาะการยกระดับเกษตรกรสู่เกษตรอุตสาหกรรมมูลค่าสูงเพื่อส่งต่อความสำเร็จทั้งมิติด้านเศรษฐกิจและมิติทางสังคม ซึ่งไม่เพียงแต่มองแค่ผลความสำเร็จในด้านธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องมีส่วนร่วมในการสร้างงานและรายได้ให้กับคนในชุมชน มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งใช้วัตถุดิบและอัตลักษณ์ของพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ในสินค้าและบริการ โดยบทบาทการส่งเสริมผู้ประกอบการคนตัวเล็ก พัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชน และเอสเอ็มอี เชื่อมโยงกับตลาดกว้างและห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรม นับเป็นภารกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของกระทรวงอุตสาหกรรม” ปลัดฯ ณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย