“สนธิรัตน์”ชี้ ต้นทุนสูง-ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ทำ “ข้าวไทย” สู้คู่แข่งไม่ได้ ไม่ใช่เพราะอินเดีย

74

กรุงเทพฯ วันที่ 20 มี.ค.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความในบัญชีเฟสบุ๊ก ถึงปัญหาราคาข้าวไทยในขณะนี้ว่า ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐยังแก้ไม่ตก ทั้งเรื่องผลผลิตต่อไร่ต่ำ ราคาแพงกว่าคู่แข่ง โดยหลังอินเดียประกาศจะส่งออกเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวกลับคืน ราคาข้าวหล่นฮวบในพริบตา อินเดียกลับมาทวงคืนความเป็นเจ้าตลาดข้าวอีกครั้ง ซึ่งข้าวที่เขาส่งออกส่วนใหญ่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ (Basmati) แต่ 77% เป็นข้าวขาว แม้จะไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ แต่เป็นข้าวขาว เมื่อใดที่อินเดียประกาศส่งออก ก็จะกระทบราคาข้าวไทยทุกครั้ง

นายสนธิรัตน์ ระบุว่า คำตอบของภาครัฐที่บอกว่า ราคาข้าวตก เพราะอินเดียกลับมาส่งออกนั้น มีน้ำหนักไม่เพียงพอ การหาตลาดแบบที่กระทรวงพาณิชย์พยายามทำอยู่ คือการแก้ที่ปลายเหตุ สาเหตุหลักคือ ราคาข้าวขาวของเราที่แพงกว่าเจ้าอื่น เช่น ข้าวขาว 5% ไทยราคา 424 เหรียญต่อตัน เวียดนาม ราคา 392-396 เหรียญ/ตัน อินเดีย 403 -407 เหรียญต่อตัน ขณะที่ข้าวขาว 25% ไทยเราราคา 411 เหรียญต่อตัน ขณะที่เวียดนาม 370 เหรียญต่อตัน อินเดีย 390 เหรียญต่อตัน

“ตลาดข้าวขาวเราแข่งกันด้วยราคาล้วน ๆ อย่าง ตลาดดั้งเดิมเราอย่างฟิลิปปินส์เราเสียแชมป์ให้กับเวียดนามไปด้วยเหตุทางด้านราคา หากราคาดี ต่อให้เจอประกาศส่งออกก็พอที่จะรักษาลูกค้าตลาดข้าวได้อยู่บ้าง ซึ่งปัญหาด้านราคาของเราคือ ต้นทุนที่ยังไม่ลด ผลผลิตต่อไร่ก็ยังไม่สูง โดยผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 400 -600 กก. ต่อไร่ ขณะที่คู่แข่งเวียดนาม อินเดีย ผลผลิตต่อไร่ เขาเฉลี่ยอยู่ที่ 600-900 กก.ต่อไร่ หรือบางสายพันธุ์พัฒนาไปแล้วให้ผลผลิตเกินกว่า 1,000 กก. ต่อไร่ก็มี พูดถึงเฉพาะข้าวขาวก็หืดขึ้นคอแล้ว ยังไม่รวมพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มที่เป็นที่ต้องการของตลาดเอเชีย ซึ่งเรามีเพียง 17 สายพันธุ์ที่รองรับโดยกรมการข้าว ขณะที่ข้าวพื้นแข็งมี 57 สายพันธุ์ ส่วนตลาดข้าวหอมมะลิที่เป็นตลาดเฉพาะถูกท้าทายพอสมควรหลังเวียดนามพัฒนาพันธุ์ข้าวเจาะตลาดเฉพาะอย่างสายพันธุ์ ST ให้ผลผลิตสูงกว่า 1,000 กก.ต่อไร่”นายสนธิรัตน์ ระบุ

นายสนธิรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ลำพังหาตลาดไม่พอ ต้องฮึดสู้กว่านี้ ถ้าอยากจะแข่งขันได้ คนผลิตกับคนขายต้องทำหน้าที่สอดรับในทิศทางเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเหนื่อยแน่ ยิ่ง สศก. ปล่อยตัวเลขประมาณการปีนี้ 34.87 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 22 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 4 % หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตั้งรับมือกันดี ๆ ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามวนมาอีกรอบ