“สุรเชษฐ์” ชี้พระราม 2 ถล่ม ต้องมีคนรับผิดชอบ แนะตั้ง คกก.สอบสวนอิสระ- ปิดช่องฟอกขาวให้คนผิด

105

ที่รีฐสภา วันที่ 20 มีนาคม สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรี กรณีคานทางด่วนถนนพระราม 2 หนักกว่า 1,000 ตัน ถล่มระหว่างการก่อสร้าง เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม ว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้น คือความผิดพลาดในเชิงวิศวกรรม คือความล้มเหลวและความอัปยศในการบริหารราชการแผ่นดิน เหตุการณ์นี้จะบอกว่าไม่มีใครผิดคงไม่ใช่ เพราะมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดมาจาก 3 ส่วน คือผู้รับเหมา ซึ่งรับเงินไป 7,359 ล้านบาท, บริษัทที่ปรึกษาที่ถูกจ้างมาควบคุมงาน ซึ่งรับเงินไป 392 ล้านบาท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบโครงการ ต้องมีรายใดรายหนึ่งหรือทั้งสามรายที่ผิด ถ้าปล่อยไปแบบไม่มีใครผิด รัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบ ต้องสรุปมาให้ได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ใครผิด และจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างไร

ประเด็นสำคัญคือ เราไม่มีคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุเชิงลึกในทางวิศวกรรมอย่างจริงจัง (accident investigation) ซึ่งคณะกรรมการที่ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยตั้งมาตรวจสอบกันเอง หรือแม้กระทรวงคมนาคมจะตั้งกรรมการอะไรมาตรวจสอบ ก็ไม่น่าเชื่อถือ ต่างจากคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยยังไม่มี มีเพียงการขออาสาสมัคร คือวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) สภาวิศวกร หรือสมาคมวิชาชีพต่างๆ เข้ามาช่วย แต่ปัญหาใหญ่คือผู้ที่อาสาเข้ามาขาดความรับผิดชอบจากการปฏิบัติงาน เพราะไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย หลายครั้งจึงไม่กล้าฟันคนผิด และตรวจสอบแบบผ่านๆ ไป ช่องว่างทางกฎหมายนี้อันตรายมาก อาจทำให้เกิดการฟอกขาวอุบัติเหตุที่ต้องมีคนรับผิดชอบให้กลายเป็นเพียงเหตุสุดวิสัย

สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า ตนเข้าใจ และขอขอบคุณผู้ที่มาอาสา แต่กรณีนี้มีอุปนายกของสมาคมวิชาชีพที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งมาดูหน้างานได้ไม่นานแล้วออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ตนต้องขอให้กลับไปคิดใหม่ดีๆ ไม่ใช่มาชี้นำว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งออกมาระบุว่าหนึ่งในสาเหตุความเป็นไปได้เกิดจากโครงเหล็กขยับจากสภาพดิน ซึ่งมีความเป็นไปได้ เป็นหนึ่งในข้อถกเถียงทางวิชาการ แต่อย่างไรก็ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยแน่ๆ ทั้งที่การเก็บหลักฐานให้เพียงพอมีความสำคัญมาก แต่ ณ วันนี้กลับมีการบิ๊กคลีนนิ่ง และเปิดการจราจรกันแล้วเมื่อเช้าวันนี้ คำถามคือหาสาเหตุกันเจอแล้วหรือยัง ซากปรักหักพังที่เก็บไว้จะเพียงพอต่อการอธิบายสาเหตุและหาคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่ หรือการทำความสะอาดจะปัดกวาดหลักฐานไปหมดแล้ว

“คำถามแรกเกี่ยวกับความล้มเหลวของการก่อสร้างในครั้งนี้ รัฐมนตรีได้สั่งให้เก็บหลักฐานอย่างครบถ้วนแล้วหรือไม่ก่อนสั่งทำความสะอาดไป ท่านจะส่งรายงานเพื่อตอบคำถามของสังคมได้ภายในเมื่อใด ที่บอกไว้ว่า 30 วันจะมีอะไรมาแสดงบ้างเมื่อครบกำหนด และที่นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมด่วนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้ข้อสรุปอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง”

โดย มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ซึ่งเป็นผู้ตอบกระทู้แทน กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความรับผิดชอบของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เกิดจากโครงสร้างของคานขวางตัวที่ 12 ซึ่งอยู่ระหว่างการเทคอนกรีตเกิดอุบัติเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบการทรุดตัวบริเวณฐานรากของโครงสร้างดังกล่าวแต่อย่างใด กทพ.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยมีบุคคลที่สามเข้าร่วมการตรวจสอบ และได้รับความร่วมมือจากผู้แทนวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยและสภาวิศวกรเข้าตรวจสอบพื้นที่ โดยกำหนดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2568 

นอกจากการแสดงความเสียใจ กระทรวงคมนาคม และ กทพ.มีมาตรการเยียวยาทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทางผู้รับเหมาเองได้เยียวยาตามมาตรการทางกฎหมายและดูแลอย่างดีที่สุด ในส่วนของหลักการและเทคนิควิศวกรรม ขอเวลาให้สภาวิศวกรตรวจสอบจึงจะออกมาชี้แจงข้อมูลได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง ขณะนี้มีการเร่งคืนพื้นที่ส่วนหนึ่งโดยเปิดช่องทางให้แล้วตั้งแต่ช่วง 6 โมงเช้าที่ผ่านมา ส่วนเรื่องเก็บหลักฐานเพียงพอหรือไม่ ตนได้กำชับให้มีความรอบคอบแล้ว ส่วนการประชุมเมื่อวันจันทร์ มีการเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในการดำเนินทุกโครงการของกระทรวงคมนาคม โดยนายกฯ ได้กำชับในเรื่องการทำสมุดพกผู้รับเหมา ทั้งการเข้าเป็นคู่สัญญาและการประมูลงานภาครัฐ ทั้งนี้ กระบวนการอยู่ระหว่างรอกรมบัญชีกลางเสนอมาที่คณะรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นอีกมาตรการหนึ่งในการกำกับผู้รับเหมาต่อไป

สุรเชษฐ์ยืนยันว่า สมุดพกผู้รับเหมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุเครนถล่มมาแล้ว ถามว่าหากในกรณีนี้ไม่สามารถหาคนผิดมาลงโทษได้อีก รัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร เมื่อไหร่ หรือจะทำอย่างที่ผู้ว่า กทพ.ประกาศไว้ว่าจะไม่ลาออก เพราะไม่ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งมนพร ชี่แจงว่า รมว.คมนาคมได้สั่งการและกำกับดูแลไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอีก ส่วนกระบวนการตรวจสอบสามารถใช้เวทีสภาฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ หรือสามารถร้องไปถึงองค์กรอิสระเพื่อตรวจสอบความบกพร่องเหล่านี้ได้ ขอยืนยันว่ารัฐมนตรีและรัฐบาลไม่ได้ละเลย ไม่มีรัฐบาลหรือรัฐมนตรีคนใดที่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุในโครงการก่อสร้างของภาครัฐ โดยผู้รับเหมาก็ยืนยันกับกระทรวงคมนาคมแล้วว่าจะดูแลและเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างดีที่สุด โดยตนจะนำข้อแนะนำและข้อสังเกตเรื่องคานขวางและฐานรากที่มีปัญหาไปแจ้งให้ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยรับทราบต่อไป

สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทราบดีว่ารัฐมนตรีไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นบ่อยก็ต้องหาคนรับผิดชอบ ให้เป็นที่หลาบจำกันบ้าง ซึ่งกรณีนี้จะมีการตรวจสอบที่ปรึกษาอย่างไร เพราะรับค่าจ้างไปเกือบ 400 ล้านบาท เมื่อเกิดขึ้นก็ต้องรับผิดชอบ นี่คือสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นมากกว่า ทั้งนี้ตนและพรรคก้าวไกลในเวลานั้นเคยยื่นเสนอ“ร่าง พ.ร.บ.ถนน” ไป เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ด้วยการปิดช่องว่างเรื่องงานอาสา โดยกำหนดให้มี “คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์บนถนน” ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ มีอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจนในการดำเนินการสอบสวนและความรับผิดชอบต่อการวิเคราะห์และรายงานผล รวมถึงเรื่องลำดับชั้นถนน การกระจายอำนาจ งบประมาณ การพัฒนาเมือง ฯลฯ แต่ก็ถูกอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ปัดตกไปเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว เมื่อมีการเปลี่ยนเป็น น.ส.แพทองธาร  ตนจึงขอให้นายกฯ คนปัจจุบันรับหลักการร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้แล้วมาหาคำตอบร่วมกันในสภาฯ ขอคำตอบแบบชัดๆ ว่าถ้าตนและพรรคประชาชนยื่นร่าง พ.ร.บ. เข้าไปใหม่ ท่านจะปัดตกแบบไร้เหตุผลอีกหรือไม่

มนพร ตอบว่า การเสนอกฎหมายเป็นเรื่องของสภาฯ การจะปัดตกหรือไม่เหตุการณ์ยังไม่เกิด หากสาระสำคัญของกฎหมายใดเป็นประโยชน์ต่อประชาชน หลายร่าง พ.ร.บ. ก็เคยมีความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะมีความเห็นชอบหรือเห็นต่างก็ขึ้นอยู่กับความเห็นของสมาชิก ซึ่งตนขอรับไว้และนำไปดูว่าร่างดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ต่อไป