ลุย”รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง”พลังงาน สัญญากว่า 1 ปีของ”พีระพันธุ์”ขอถามราคาน้ำมันจะลดกี่โมง.?

209

       ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเดินทางไปย่านไหนๆที่พบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนทั่วไป จะได้ยินเสียงพูดหรือบ่นในทำนองเดียวกันว่าค่าครองชีพสูง  สินค้าทุกชนิดพาเหรดกันขึ้นราคา  รายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร คงจะไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้

          หากได้ยินคงมีมาตรการออกมาช่วยเหลือแบบยืนระยะยาวบ้างแล้ว แต่คลำหาเท่าไหร่ยังหาไม่เจอ นอกจากมาตรการเดิมๆที่ผลิตซ้ำทุกรัฐบาลนั่นคือจัดมหกรรมขายสินค้าราคาถูก ตามชุมชนเพียงไม่กี่ชุมชนแล้วแถลงข่าวออกสื่อ ว่าได้ออกมาตรการช่วยเหลือแล้ว

        ทั้งที่ในความเป็นจริงถ้ารัฐบาลจะช่วยจริง ทำได้ไม่อยากเพียงแค่ลดราคาพลังงานลงมาไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้า ราคาแก๊ส และราคาน้ำมัน โดยเฉพาะราคาน้ำมันหากลดได้จะสร้างคุณูปการให้ชาวบ้านเป็นวงกว้าง เพราะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้ทุกชนิด รวมถึงค่าขนส่งต่างๆ และยังลดค่าใช้จ่ายให้มนุษย์เงินเดือนที่ใช้รถยนต์เดินทางไปทำงานได้ด้วย หรือราคาแก๊สหุงต้ม จะช่วยลดต้นทุนให้พ่อค้าแม่ค้าขายอาหาร ส่งผลให้ชาวบ้านซื้ออาหารบริโภคในราคาที่ถูกลงช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าแบบสบายๆ

       แต่ดูเหมือนว่าแนวทางนี้ไร้การตอบสนองจากรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงพลังงานมีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง แทบจะไม่เห็นความเคลื่อนไหวที่จะขยับให้เห็นว่าราคาน้ำมันจะลดลง แต่ทางตรงข้ามกลับมีการแชร์คลิปผลงานของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานว่ามีผลงานอะไรบ้าง อาทิ ปลดล็อกโซล่าเซล  ให้บริษัทน้ำมันเปิดเผยต้นทุน และผลักดันพลังงานสะอาด เป็นต้น บางคลิปถึงขั้นเชียร์ว่าเหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งแต่ละคลิปค่อยข้างห่างไกลจากการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนที่ต้องเกี่ยวข้องกับพลังงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นก๊าซหรือน้ำมัน จึงทำให้อดนึกถึงสัญญาที่นายพีระพันธุ์เคยให้ไว้ช่วงส่งท้ายปีเก่า 2566 ขึ้นสู่ปีใหม่ 2567 ด้วยการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เนื้อหาเต็มไปด้วยความกล้าหาญและให้ความหวังกับประชาชนว่าจะได้ใช้พลังงานราคาที่ถูกลง

    “จอมมารน้อย”ขอยกบางตอนมาถ่ายถึงความหาญกล้าของนายพีระพันธุ์ ว่า “ขอเล่าถึงสิ่งที่ทำแล้วในรอบปี 2566 ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว เฉพาะที่เป็นข่าวคือลดค่าใช้จ่ายทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน ยังคงทำอยู่ ต่อไปถึงเมษายน 2567 แม้จะเป็นมาตรการชั่วคราวภายใต้โครงสร้างพลังงานปัจจุบัน ที่ต้องไหว้วอนและขอความร่วมมือจากหลายฝ่าย ดีกว่าไม่ลงมือทำอะไร”

“ไม่ว่าจะภายใต้โครงสร้างพลังงานที่ถูกหรือผิด แต่ถ้าจะทำจริงทำได้ทั้งนั้น แต่วันนี้ลงมือทำดีกว่ารอไปก่อน  ผมระลึกเสมอว่าเข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชน ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนชีวิตส่วนตัวของผม อะไรที่เป็นทุกข์ของประชาชนในความรับผิดชอบของผม จะรื้อทิ้งให้หมด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพื่อปลดพันธนการชีวิตจากค่าพลังงานที่ควบคุมไม่ได้”นายพีระพันธุ์ระบุและว่า จะสร้างระบบพลังงานของประเทศขึ้นมาใหม่ ให้มีความเป็นธรรมอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อคนไทยและประเทศไทย  ตามนโยบาย “รื้อ ลด ปลด สร้าง” และแนวทางการทำงานแบบ สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง  กว่าจะถึงวันนี้เป็นไปตามคาดเพราะต้องต่อสู้อย่างเข้มข้น

             นายพีระพันธุ์ ระบุอีกว่า “เชื่อว่าการรื้อครั้งนี้ จะมีคนคัดค้านมากมาย เพราะผู้ที่เคยได้ประโยชน์แบบรากงอกต้องเสียประโยชน์มหาศาล คนเหล่านี้ที่ผ่านมาใช้ระบบสปอนเซอร์ เป็นเกราะคุ้มตัวตลอดมา แต่ผมไม่กลัวและจะทำ เพราะจะเป็นการรื้อเพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ประเทศและประชาชนแบบมั่นคงและยั่งยืน

          “ขอเรียนว่าโครงสร้างพลังงานในปัจจุบัน ผมไม่พอใจ แต่ไม่มีทางอื่น ที่จะปรับตามโครงสร้างแบบปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เชื่อว่าประชาชนพึงพอใจกับผลงานที่ทำมา คนอย่างผมไม่เคยเกรงใจใคร ถ้าทำแล้วประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์ ผมไม่เคยเกรงใคร”นายพีระพันธุ์ระบุ

         ถ้ามองถึงภาพรวมที่นายพีระพันธุ์ ประกาศนับว่าเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่ง เพราะนับแต่ตั้งกระทรวงพลังงาน มาไม่เคยมีรัฐมนตรีฯคนไหนกล้าประกาศรื้อโครงสร้างราคาพลังงานเพื่อเอื้อให้กับประชาชนทั้งประเทศ เพราะที่ผ่านมาโครงสร้างบริษัทพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ หรือ โรงไฟฟ้า ล้วนเป็นของกลุ่มทุนผูกขาดและอยู่ในชนชั้นอนุรักษ์นิยมของประเทศทั้งสิ้น

       หากติดตามข่าวในช่วงส่งท้ายปีเก่า 2566 พบปรากฏการณ์ความไม่พอใจของนายพีระพันธุ์ มีต่อกลุ่มผู้ค้าน้ำมันที่ประกาศปรับราคาน้ำมันขึ้นลงแบบรายวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันประเภทแก๊สโซฮอลลดทันที 2 บาทกว่า แสดงให้เห็นว่าถ้ารัฐมนตรีเอาจริงบริษัทน้ำมันก็ผวาเช่นกัน

         นับแต่วันนั้นด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์บวกกับเนื้อหาที่โพสต์เป็นของขวัญปีใหม่ ทำให้ประชาชนเกิดความศรัทธาในความกล้าหาญของนายพีระพันธุ์ จนทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าหากเวลาผ่านไป 6 เดือนหรือ 1 ปี คงจะได้ใช้น้ำมันราคาที่ถูกลงอย่างแน่นอน

       แต่ ณ ตอนนี้เวลาผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว ยังไม่ทราบว่านายพีระพันธุ์ จะทำให้ราคาน้ำมันลดได้กี่โมง เพราะประเมินแล้วดูเหมือนจะมืดมน และโอกาสที่จะเกิดขึ้นคงยาก เพราะบริษัทน้ำมันยังมีกำไรแบบท่วมท้นเหมือนเดิม!!!