ที่สหรัฐอเมริกา วันที่ 15 มีนาคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยถึงผลการนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีสมัยที่ 69 (Commission on the Status of Women) หรือการประชุม CSW 69 ว่า การเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการได้ร่วมหารือทวิภาคี กับ นายอาคิม สไตเนอร์ (Mr. Achim Steiner) ผู้บริหารสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP โดยมีการพูดคุยถึงการส่งเสริมอาชีพคนพิการที่ พม. ได้ทำควบคู่กับ 6 มหาวิทยาลัย และล่าสุดได้ลงนามในเอ็มโอยูร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ด้วยนั้น วันนี้ได้เริ่มผลิดอกออกผลแล้ว ซึ่งผู้บริหารยูเอ็นดีพี บอกว่าสิ่งที่ พม. ทำอยู่นี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สามารถนำไปขยายผลต่อได้อีกหลายประเทศ ซึ่งตนบอกว่ายินดีที่จะถ่ายทอดประสบการณ์นี้ให้กับอีกหลายประเทศ
นายวราวุธ กล่าวว่า สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าจากนี้ไปการทำงานของ พม. ในเวทีโลกนั้นจะมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น มีองค์ความรู้จากประเทศอื่นๆ มาประยุกต์ใช้กับบ้านเรา และนำองค์ความรู้ของเราไปถ่ายทอดให้กับประเทศอื่นได้เช่นกัน ถือเป็นความสอดคล้องการขับเคลื่อนงานตามนโยบายที่ตนมอบกระทรวง พม. คือ พันธกิจสำคัญ ด้านที่ 6 ขับเคลื่อนพันธกรณีระหว่างประเทศที่สำคัญ อีกด้านหนึ่งคือ ด้านสตรี เพื่อให้เกิดการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศด้านสตรีเกิดขึ้น ซึ่งกระทรวง พม. ก็ต้องพัฒนางานในมิตินี้ให้มากขึ้นเช่นกัน และยังรวมไปถึงมิติงานตามนโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร ซึ่ง ผู้บริหารยูเอ็นดีพีระบุว่า จำได้ดีเพราะเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับท่านมาก ซึ่งตนได้อัพเดทสถานการณ์ไปว่าเราดำเนินการในสายงานใดบ้าง เช่นดูแลผู้สูงอายุ คนพิการ สตรี และเด็ก ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมา ทางยูเอ็นดีพีได้เห็นว่ากระทรวงพม. ทำงานเรื่องนี้อย่างจริงจัง

รมว.พม. กล่าวว่า นอกจากนี้ในช่วงที่ได้เข้าร่วมการประชุมการติดตามผลการประชุมโลกว่าด้วยสตรี ครั้งที่ 4 และผลลัพธ์ของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 23 ภายใต้หัวข้อ “สตรี 2000: ความเสมอภาคระหว่างเพศ การพัฒนา และสันติภาพสำหรับศตวรรษที่ 21”นั้น ตนได้กล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทยต่อที่ประชุมสหประชาชาตินั้น ได้ย้ำว่า ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งกระทรวง พม. พยายามที่จะผนวกมุมมองเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเข้าสู่การขับเคลื่อนนโยบายในทุกด้าน ซึ่งรัฐบาลไทย โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำหญิงรุ่นใหม่ ที่ริเริ่มนโยบายหลายด้านเพื่อขับเคลื่อนพันธสัญญา ภายใต้ปฏิญญาปักกิ่ง ได้แก่ นโยบายด้านการจ้างงานและเศรษฐกิจ , การยุติความรุนแรงต่อสตรี , การขจัดความยากจน , การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของสตรีและเด็กหญิง LGBTQIA+ และบุคคลที่เผชิญกับการเลือกปฏิบัติที่ซับซ้อนหลากหลายมิติ
นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับการกล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทยครั้งนี้ ได้รับเสียงปรบมือให้กำลังใจจากหลายๆ ประเทศในห้องประชุม บางคนเข้ามาแสดงความยินดี เชื่อว่าการทำงานในมิติต่างประเทศของกระทรวง พม. เป็นสิ่งสำคัญที่น่าได้รับการส่งเสริมมากขึ้น เชื่อว่าเพื่อนข้าราชการ คงเห็นแล้วว่าผลงานที่เราทำ เมื่ออยู่บนเวทีโลกนั้นไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าอีกหลายประเทศ ที่สำคัญเราต้องหมั่นนำเสนอสิ่งที่เราทำอยู่ และมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการทำงานระหว่างประเทศ เพื่อทำให้การดูแลพี่น้องกลุ่มเปราะบางมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถนำองค์ความรู้จากทั่วโลกมาประยุกต์ใช้ เพราะแต่ละประเทศมีความละเอียดอ่อน มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป ขณะเดียวกันไทยเราก็สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับอีกหลายประเทศได้เช่นกัน สามารถยื่นมือนำองค์ความรู้ไปช่วยประเทศอื่นได้ ถึงแม้ว่างบประมาณกระทรวง พม. จะไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่ไม่ได้แปลว่าการทำงานของเราจะน้อยลง เราสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีต่างๆ ที่เรามีให้กับประเทศอื่นได้ ขณะเดียวกันสามารถซึมซับนำสิ่งดีๆ ที่ประเทศอื่นมีมาให้เราได้เช่นกัน

นายวราวุธ กล่าวถึงการทำงาน ในมิติต่างประเทศควบคู่กับในประเทศว่า ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กระทรวง พม. มีโอกาสทำงานร่วมกับธนาคารโลก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ธนาคารโลกให้ความสนใจงานกระทรวง ซึ่งการทำงานเช่นนี้ทำให้เราสามารถเสริมเขี้ยวเล็บให้กับเพื่อนข้าราชการ และอาสาสมัคร พม. ได้เป็นอย่างดี ในการดูแลกลุ่มเปราะบางกว่า 20 ล้านคน ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนเจ้าหน้าที่ พม. แล้ว เป็นอัตราส่วนมหาศาล ต้องขอบคุณเพื่อนข้าราชการ อาสาสมัคร พม. ทำงานกันอย่างเต็มที่ในการดูแลพี่น้องประชาชน กระทรวง พม. คือ ถาดรองถาดสุดท้ายของสังคมไทย ไม่ใช่ตาข่าย เพราะตาข่ายไม่ว่าจะถี่ขนาดไหน แต่ก็ยังมีบางส่วนหลุดรอดไปได้ แต่ กระทรวง พม. ไม่สามารถที่จะปล่อยให้คนกลุ่มเปราะบางคนใดหลุดไปได้ เพราะสังคมไทยจะเดินไปข้างหน้าได้ ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง กระทรวง พม. เป็นด่านสุดท้าย หากว่าหลุดจาก พม.ไป คนกลุ่มเปราะบางนั้นจะไม่มีใครดูแลเขา จึงขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร พม. ทุกคน