ตำรวจไซเบอร์จับกุมบุหรี่ไฟฟ้าต่อเนื่อง รวบเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์พนันออนไลน์หลายขบวนการ
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหารระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวน จับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันเสาร์ที่ 15 มี.ค.68 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์รอง ผบช.สอท และ พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวตำรวจไซเบอร์จับกุมบุหรี่ไฟฟ้าต่อเนื่อง รวบเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์หลายขบวนการ
สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ให้แต่ละกองบังคับการ มีการการระดมจับกุมอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการดำเนินการในทุกๆ เดือน อย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

และตำรวจไซเบอร์ได้มีการจับกุมในคดีอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทุกประเภท ได้แก่
- ปฏิบัติการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า
กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.5 ได้สืบสวนทราบตัวผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า คือ นายสุมาน อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดสงขลา โดยจับกุมได้ที่ หน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมของกลางหัว พอร์ต และนำยาบุหรี่ไฟฟ้า รวมกว่า 20 รายการ
- ปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการคอลเซ็นเตอร์
2.1. กก.4 บก.สอท.4 จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเครือข่ายหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ หลอกลงทุน และคอลเซ็นเตอร์น.ส.วิลาวัณย์ อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยจับกุมได้ที่หน้าแมนชั่นแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ
2.2. กก.1 บก.สอท.1 จับกุมนางสาวดาริกา อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดนครพนม เครือข่ายหลอกเป็น DSI ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน โอนออกทั้งหมด 3 บัญชี มูลค่ากว่า 1,179,478 บาท
2.3. กก.3 บก.สอท.5 จับกุมนายบัณฑิต อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีในเครือข่ายหลอกลงทุน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ผู้ต้องหาให้การว่าขอกู้เงินผ่านเฟซบุ๊ก แต่ผู้กู้แจ้งว่าต้องเปิดบัญชีใหม่ และมาทราบภายหลังว่า ถูกนำบัญชีไปใช้ - การจับกุมพนันออนไลน์
กก.4 บก.สอท.3 จับกุมนางสาวสุภาพร อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น ในข้อหา “จัดให้มีการเล่นพนัน(ฟุตบอล) โดยผิดกฎหมาย” พร้อมของกลางหลายรายการ
เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ยังคงสืบสวนอย่างต่อเนื่อง และการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบข้อมูลการโอนเงิน และการใช้เทคโนโลยีในการหลอกลวงที่ถูกใช้ในคดีหลายกรณี ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยผู้ต้องหาหลายรายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการธุรกรรมการเงินผ่านบัญชีปลอมและการทำธุรกรรมออนไลน์ในลักษณะหลอกลวง ซึ่งมีการทำงานเป็นระบบตั้งแต่ระดับผู้ปฏิบัติการไปจนถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คอยสั่งการการดำเนินงาน
ทั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์ยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเพิ่มความระมัดระวังในการใช้บริการโทรศัพท์และการทำธุรกรรมออนไลน์ พร้อมทั้งแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและไม่หลงเชื่อข้อความหรือข้อเสนอที่ดูไม่น่าเชื่อถือจากแหล่งที่ไม่รู้จัก