ที่กระทรวงพาณิชย์ วันที่ 14 มีนาคม 2568 นายรชตะ ด่านกุล สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นำตัวแทนเกษตรกร ตัวแทนสหกรณ์โคนม และตัวแทนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนมขนาดเล็ก พร้อมด้วยนางกาญจนา กาญจนสุคนธ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์นม เข้ายื่นหนังสือต่อ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เพื่อให้เร่งพิจารณาแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบส่วนที่เกิน MOU จากสภาวะน้ำนมดิบเพิ่มตามธรรมชาติ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหานมล้นตลาดไม่มีที่จำหน่าย โดยมีนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นตัวแทนรับหนังสือ
นายรชตะ กล่าวว่า ปัจจุบันทั้งสหกรณ์และผู้ประกอบการรายย่อยที่มีศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบจากเกษตรกร กำลังประสบปัญหาน้ำดิบส่วนเกิน เนื่องด้วยสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นในปีนี้ ส่งผลให้ปริมาณน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ ตลอดระยะที่ผ่านมาผู้ประกอบการโรงงานผลิตนมรายย่อยที่ทำ MOU ร่วมกับสหกรณ์โคนมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม มีการรับซื้อน้ำนมดิบส่วนที่เกินจาก MOU มากกว่าร้อยละ 7 ทั้งนี้ ยังมีน้ำนมดิบส่วนเกินจำนวนวันละ 36 ตัน ณ ปัจจุบันมีน้ำนมดิบค้างถังจำนวนไม่น้อยกว่า 130.396 ตัน หากไม่มีที่จัดจำหน่ายคาดว่าจะเกิดความเสียหายประมาณวันละ 819,000 บาท จึงต้องการเรียกร้องให้กรมการค้าภายใน ช่วยเจรจากับผู้ประกอบการโรงงานนมพาณิชย์รายใหญ่ ให้รับซื้อน้ำนมดิบจากศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบโดยเร็วที่สุด พร้อมเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเพิ่มเติมในลำดับถัดไป ด้วยการขอให้กรมการค้าภายในเร่งผลักดันและส่งเสริมการจัดจำหน่ายนมพาสเจอร์ไรซ์ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและสหกรณ์โคนมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีคุณค่าทางอาหารสูง และที่สำคัญยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้รับข้อเสนอดังกล่าวพร้อมจะเร่งหารือกับผู้ประกอบการโรงงานนมขนาดใหญ่เพื่อรับนมน้ำดิบในส่วนที่เหลือ นอกจากนี้ ยังเสนอให้ผู้ประกอบการรายย่อยนำผลิตภัณฑ์นมมาจัดจำหน่ายผ่านโครงการธงฟ้าราคาประหยัด เพื่อเพิ่มช่องทางและโอกาสให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนมขนาดเล็ก รวมถึงสหกรณ์โคนม
