กรมวิทย์ฯ อัพเดทสถานการณ์สายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ในไทยปี 68

375

กรมวิทย์ฯ อัพเดทสถานการณ์สายพันธุ์เชื้อไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ปี 2568 ย้ำวัคซีนยังมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้


นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงผลการวิเคราะห์สารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และตรวจจำแนกสายพันธุ์โดยการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมในปัจจุบันจากทั่วโลก พบว่า

ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) pdm09 พบสัดส่วนร้อยละ 54.63 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ A(H1N1) pdm09 clade 6B.1A.5a.2a.1 ร้อยละ 13.3 และ clade 6B.1A.5a.2a ร้อยละ 86.7

ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) พบสัดส่วนร้อยละ 24.01 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ A(H3N2) clade 3C.2a1b.2a.2a.3a.1 สัดส่วนร้อยละ 99.38 clade 3C.2a1b.2a.2a.3b ร้อยละ 0.41 และ clade 3C.2 ร้อยละ 0.21

ไข้หวัดใหญ่ชนิด B กลุ่ม Victoria สัดส่วนร้อยละ 21.27 โดย 100% เป็นสายพันธุ์ B/Victoria จัดอยู่ใน clade VIA.3a.2 ร้อยละ 99.77 และ clade VIA.3 ร้อยละ 0.23


สำหรับในประเทศไทย สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนมกราคม 2568 พบไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H1N1 (pdm09) มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.46 รองลงมาคือไข้หวัดใหญ่ชนิด B(Victoria) และไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) มีสัดส่วนร้อยละ 34.86 และ 25.68 ตามลำดับ และจากการวิเคราะห์สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ด้วยการประยุกต์ใช้เทคนิค Whole genome sequencing วิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมทั้งจีโนม พบว่า

ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) pdm09 พบการกระจายของ clade 6B.1A.5a.2a มากที่สุดในสัดส่วนร้อยละ 86.75 ในขณะที่ clade 6B.1A.5a.2a.1 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 13.25 สอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลก

ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) พบเป็น clade 3C.2a1b.2a.2a.3a.1 สัดส่วนร้อยละ 100

ไข้หวัดใหญ่ชนิด B พบเป็นสายพันธุ์ B Victoria สัดส่วนร้อยละ 100


นายแพทย์ยงยศ กล่าวต่ออีกว่า องค์การอนามัยโลกประกาศสายพันธุ์วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สำหรับซีกโลกใต้ ปี 2025 ดังนี้

ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) pdm09 คือ A/Victoria/4897/2022 (H1N1)pdm09-like virus (6B.1A.5a.2a.1)

ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) คือ A/Croatia/10136RV/2023-like virus (3C.2a1b.2a.2a.3a.1)

ไข้หวัดใหญ่ชนิด B คือ B/Austria/1359417/2021 (B/Victoria lineage)-like virus)
จากการประเมินความสอดคล้องสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในประเทศไทยกับสายพันธุ์วัคซีน ปี 2025 พบดังนี้

ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) pdm09 clade 6B.1A.5a.2a.1 (ร้อยละ 13.25) สอดคล้องกับ สายพันธุ์วัคซีน ปี 2025 “A/Victoria/4897/2022 (H1N1)pdm09-like virus (6B.1A.5a.2a.1)” โดยสายพันธุ์ส่วนใหญ่ 6B.1A.5a.2a (ร้อยละ 86.75) อาจมีความแตกต่างทางพันธุกรรมเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสายพันธุ์วัคซีนที่กำหนด

ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) และ ไข้หวัดใหญ่ชนิด B พบเป็นสายพันธุ์ A(H3N2) clade 3C.2a1b.2a.2a.3a.1 และ Victoria lineage ตามลำดับ เมื่อประเมินความสอดคล้องกับสายพันธุ์วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปี 2025 พบสอดคล้องตรงกัน


“เชื้อไข้หวัดใหญ่ที่แยกได้จากตัวอย่างผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ปอดอักเสบ ที่ส่งมายังห้องปฏิบัติการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระหว่างเดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนมกราคม 2568 พบยีนบ่งชี้ต่อการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ในไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) pdm09 ร้อยละ 1.9 ส่วนเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลชนิด A(H3N2) และไข้หวัดใหญ่ชนิด B ยังไม่พบยีนบ่งชี้ต่อการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยมีการใช้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์เป็นหลัก ดังนั้นการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ดื้อยาจึงจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลนี้มาใช้ประโยชน์ในการจัดทำคำแนะนำการเลือกใช้ยาให้เกิดประสิทธิผล ตลอดจนการวางแผนสำรองยาต้านไวรัสที่เหมาะสมกับประเทศไทยต่อไป ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และขอเน้นย้ำว่า วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยยังสามารถป้องกันสายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี ควบคู่กับการดูแลป้องกันตนเอง ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวกเป็นเวลานาน หากสงสัยว่ามีอาการป่วย แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง” นายแพทย์ยงยศ ทิ้งท้าย