สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) แถลงผลจับกุม นายไซม่อน เจียง อายุ 58 ปี ชาวไต้หวัน ในข้อหาหมิ่นประมาทกรรโชกทรัพย์ หลังได้รับการร้องเรียนจากนักธุรกิจใหญ่ชาวไต้หวันกรณีที่มีคนร้ายขู่ฆ่าและส่งคลิปวิดีโอ ลักษณะลามกอนาจาร และได้เผยแพร่ไปยังบุคคลอื่นผ่านช่องทางแอพพลิเคชั่นวีแชท (WeChat) เพื่อรีดเอาทรัพย์กับผู้เสียหาย จำนวนเงินมากกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ข่าวหลายสำนักจากสื่อใต้หวันทำให้ครอบครัวเดือดร้อน และได้รับความอับอาย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงทำการสืบสวนจนกระทั่งได้ตัวผู้ต้องหา และทราบว่าผู้ต้องหาถือสัญชาติไต้หวัน แต่ใช้หนังสือเดินทางประเทศอินโดนีเซียเข้าในประเทศไทย จึงตรวจสอบรายละเอียดทราบว่าผู้ต้องหามีประวัติเป็นหัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์ฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสารและหนังสือเดินทาง ตำรวจจึงรวบรวบหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับนายไซม่อน เจียง โดยจับกุมตัวได้ในวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังจับกุมจึงได้ยึดโทรศัพท์ไอโฟน 8 จำนวน 2 เครื่อง เป็นของกลาง และขยายผลกระทั่งทราบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการที่อยู่ต่างประเทศ
ในขณะเดียวกันพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ได้แถลงผลงาน กรณีที่มีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีบุคคลต่างด้าวเข้าพักอาศัยอยู่ในย่านอุรุพงศ์ เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เป็นจำนวนมาก ซึ่งเกรงว่าอาจเป็นต้นเหตุในการก่ออาชญากรรมและยาเสพติดให้กับคนไทยที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าอาคารดังกล่าวเป็นอาคารชุด 10 ชั้น มีบางห้องอยู่ระหว่างถูกเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาด แต่นิติบุคคลอุรุพงศ์คอนโดกลับลักลอบเปิดให้บุคคลต่างด้าวเช่าพักอาศัยจำนวน 1 ห้อง จากการตรวจสอบพบว่ามีบุคคลต่างด้าวพักอาศัยอยู่ในอาคารดังกล่าวรวม 11 ห้อง จำนวน 22 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 12 คน ส่วนใหญ่เป็นสัญชาติพม่าและอินเดีย ตรวจสอบหนังสือเดินทางและเอกสารพบว่าเข้ามาทำงานในประเทศไทยถูกต้องตามกฏหมายตรวจสอบไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังพบว่าห้องพักชั้น 11 ห้องที่บุคคลต่างด้าวเข้าพักอาศัยอยู่นั้นไม่ได้มีการแจ้งหรือรายงานต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตำรวจ จึงได้ทำการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองห้องพักดังกล่าว ซึ่งให้ที่พักพิงแก่บุคคลต่างด้าวและกรรมการบริษัทนิติบุคคลอุรุพงศ์คอนโดซึ่งไม่แจ้งต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังได้แถลงจับกุมนายฟิลิก มาริโอ อายุ 37 ปี และนายโกมิส คริสเตียนโน่ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติกินี ที่มีพฤติกรรมอยู่ในเครือข่าย โรแมนซ์สแกม (Romance Scam) หลอกให้ผู้เสียหายเกิดความรักผ่านเฟสบุ๊ก (Facebook) และ หลอกให้โอนเงิน พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ และ บิลค่าโทรศัพท์
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า ผู้ต้องหา 2 คนที่จับได้ในขณะนี้ทำหน้าที่ประสานงานกับคนร้ายที่อยู่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีหน้าที่พูดคุยหลอกลวงให้ผู้เสียหายที่อยู่ในประเทศไทย กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อก็โอนเงินเข้าบัญชี จากนั้นผู้ต้องหาก็นำเงินมาแบ่งกัน ซึ่งผู้ต้องหา 2 คนสัญชาติกินีที่ตำรวจคุมตัวได้จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวนร้อยละ 3-5 ของจำนวนเงินทั้งหมดที่สามารถหลอกลวงผู้เสียหายได้ในแต่ละครั้ง ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาเป็นสมาชิกเครือข่ายโรแมนซ์สแกมมาประมาณ 5-6 เดือนแล้ว โดยคนร้ายกลุ่มนี้ได้ดำเนินการหลอกลวงผู้เสียหายมาแล้วหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ทั้งในจังหวัดจันทบุรี อุทัยธานีขอนแก่นเลยกระบี่ สุราษฎร์ธานี และสุรินทร์ รวมมูลราคาความเสียหายทั้งหมด 1,828,000 บาท เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดหรือโอเวอร์สเตย์ (Over Stay) ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป