สืบนครบาลแอบรวบเดียร์สายยัก เน้นแฟนคลับติ่งเกาหลี ผู้เสียหายบุกชี้ตัวจำนวนมาก
“ขนลุกยกทีมสืบสวน” สืบนครบาลบุกไปจับ เดียร์สาวทอมสายยักมิจฉาชีพสุดแสบ ที่ก่อคดียาวเป็นหางว่าว แต่ปรากฏว่าเมื่อชุดสืบสวนไปถึงกลับไม่พบคนร้าย ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งพ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. สารวัตรแจ๊ะ ใช้ยุทธวิธีไม้ตายงัดวิชาพลางกายซ่อนเร้นจึงสามารถจับกุมตัวได้ ตรวจสอบโทรศัพท์คนร้ายเพราะว่าใช้หมอดูทักแจ้งหลบหนีการจับกุม หากเป็นผู้เสียหายที่ไม่ชอบก็จะเล่นของมนต์ดำใส่ หรือผู้หญิงที่ชอบ จะเล่นของให้มาหลงมารัก สุดท้ายจนมุม
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2 , ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์รอง สว.ฝอ.2 บก.อก.สทส. และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัว
น.ส.นภัสกมล เชียงขุนทด หรือเดียร์ อายุ 26ปี อยู่บ้านเลขที่ 236 ม.1 ต.เหนือเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ดที่ จ.1030/2567 ลงวันที่ 26 พ.ย. 67 ข้อหา “ฉ้อโกง”
ตรวจยึดของกลาง
1.โทรศัพท์ไอโฟน 1 เครื่อง
2.แฟลชไดฟ์ ที่เช่าไปจากร้านพร้อมโทรศัพท์ จำนวน 3 ชิ้น (ผู้เสียหายมาชี้ยืนยันแล้ว คดีที่ สน.พญาไท และ สน.พหลโยธิน)
จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้ทราบว่า “ยักยอกทรัพย์หรือรับของโจร”
ตรวจสอบพบข้อมูลการก่อเหตุ ณ เวลานี้ จำนวน 13 คดี ดังนี้
1.วันที่ 20 ส.ค. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่ ใช้บริการเช่า โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง iPhone 15 Promax จากผู้เสียหายซึ่งได้เปิดบริการให้เช้าโทรศัพท์ทางช่องทางออนไลน์ โดยมีการนัดหมายรับกันผ่านไรเดอร์ แล้วไม่นำมาคืน ก่อนจะหายไปไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหาย 57,245 บาท พื้นที่ สน.พหลโยธิน
2.วันที่ 25 ส.ค. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่เข้าไปใช้บริการเช่า โทรศัพท์ยี่ห้องซัมซุง S24 ultra และแฟรชไดฟ์ จากร้านภายใน สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีลาดพร้าว แล้วไม่นำมาคืน ก่อนจะหายไปไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหาย 54,060 บาท พื้นที่ สน.พหลโยธิน
3.วันที่ 29 ส.ค. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่เข้าไปใช้บริการเช่า โทรศัพท์ยี่ห้อ ไอโฟน15 pro max และแฟรชไดฟ์ จากร้านภายใน ห้างยูเนียลมอลล์ แล้วไม่นำมาคืน ก่อนจะหายไปไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหาย 54,789 บาท พื้นที่ สน.พหลโยธิน
4.วันที่ 31 ส.ค. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่เข้าไปใช้บริการเช่า กล้อง Gopro hero 12 ,โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง Galaxy S24 ultra และแฟลชไดฟ์ จากร้าน บจก.คาเมร่า มัคอาโต จำกัด แล้วไม่นำมาคืน ก่อนจะหายไปไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหาย 70,380 บาท พื้นที่ สน.พญาไท
5.วันที่ 5 ก.ย. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่เข้าไปใช้บริการเช่า โทรศัพท์ยี่ห้อ ซัมซุง S24 ultra และแฟรชไดฟ์ จากร้านภายใน ห้างโรบินสันบางรัก แล้วไม่นำมาคืน ก่อนจะหายไปไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหาย 50,500 บาท พื้นที่ สน.ยานนาวา
6.วันที่ 9 ก.ย. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่ ใช้บริการเช่า โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง Galaxy S23 ultraจากผู้เสียหายซึ่งได้เปิดบริการให้เช้าโทรศัพท์ทางช่องทางออนไลน์ โดยมีการนัดหมายรับกันผ่านไรเดอร์ แล้วไม่นำมาคืน ก่อนจะหายไปไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหาย 57,245บาท พื้นที่ สน.ทองหล่อ
7.วันที่ 23 ก.ย. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่ล้วงกระเป๋าผู้เสียหายในงานคอนเสิร์ต ขโมยโทรศัพท์ยี่ห้อ ซัมซุง S22 ultra มูลค่าความเสียหาย 20,000 บาท พื้นที่ สน.ปทุมวัน
8.วันที่ 23 ก.ย. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่ล้วงกระเป๋าผู้เสียหายในงานคอนเสิร์ต ขโมยโทรศัพท์ยี่ห้อ Oppo A31 สีดำ มูลค่าความเสียหาย 6,000 บาท พื้นที่ สน.ปทุมวัน
9.วันที่ 19 ต.ค. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่หลอกขาย โมเดลวันพีช ทางออนไลน์ โดยการเปิดเพจประมูลของเล่น โดยขโมยรูปมาจากเพจอื่น แล้วมาลงให้ประมูล จากนั้นได้ทำทีทักไปหาเหยื่อแสร้งว่าเหยื่อชนะการประมูล เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ 1,310 บาท แต่ก็ไม่มีการส่งสินค้าใดๆให้
10.วันที่ 19 ต.ค. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่หลอกขาย โมเดลวันพีช ทางออนไลน์ โดยการเปิดเพจประมูลของเล่น โดยขโมยรูปมาจากเพจอื่น แล้วมาลงให้ประมูล จากนั้นได้ทำทีทักไปหาเหยื่อแสร้งว่าเหยื่อชนะการประมูล เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ 340 บาท แต่ก็ไม่มีการส่งสินค้าใดๆให้
11.วันที่ 19 ต.ค. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่หลอกขาย โมเดลวันพีช ทางออนไลน์ โดยการเปิดเพจประมูลของเล่น โดยขโมยรูปมาจากเพจอื่น แล้วมาลงให้ประมูล จากนั้นได้ทำทีทักไปหาเหยื่อแสร้งว่าเหยื่อชนะการประมูล เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ 1,020 บาท แต่ก็ไม่มีการส่งสินค้าใดๆให้
12.วันที่ 24 พ.ย. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่ใช้บริการเช่า โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง Galaxy S24 ultra จากผู้เสียหายซึ่งได้เปิดบริการให้เช้าโทรศัพท์ทางช่องทางออนไลน์ โดยมีการนัดหมายรับกันห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วาน แล้วไม่นำมาคืน ก่อนจะหายไปไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหาย 33,330 บาท พื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี
13.วันที่ 1 ธ.ค. 67 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่เข้าไปใช้บริการเช่า โทรศัพท์ยี่ห้อ iPhone 16 Promax จากร้านภายใน ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ แล้วไม่นำมาคืน ก่อนจะหายไปไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหาย 57,245บาท พื้นที่ สน.ประเวศ
จับกุมตัวได้ที่ ห้องพักในคอนโดชื่อดัง ถ.รามคำแหง 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศจ.กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ “เดียร์สายยัก”ก่อเหตุต่อเนื่องจำนวนมาก ยังมีหน้าไปไล่แจ้งความกลับผู้เสียหายเกือบทุกราย จนผู้เสียหายนับสิบตั้งกลุ่มจองกฐินสาวทอมรายนี้สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้ขอความช่วยเหลือมาที่สืบนครบาลว่าได้ถูกมิจฉาชีพเป็น “สาวทอม” หลอกลวงเช่าโทรศัพท์ก่อนเชิดหลบหนีหายไป เหมือนจะเป็นการยักยอกทรัพย์ทั่วๆไป แต่ชุดสืบสวนก็ต้องอึ้ง เมื่อได้ขุดลึกลงไปก็พบว่าในห้วงเพียง 3 เดือนที่ผ่านมา สาวทอมรายนี้ตระเวนก่อเหตุ ลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง คล้ายๆกันยาวเหยียดเป็นหางว่าวหลายสิบคดี โดยแผนประทุษกรรมที่ตรวจสอบพบที่สาวทอมรายนี้ตระเวนก่อเหตุคือ 1.หลอกลวงขอเช่าโทรศัพท์ หรือกล้อง โดยอ้างว่าจะนำไปดูคอนเสิร์ตเกาหลี โดยเมื่อได้ของแล้วก็นำไปขายแล้วหายเข้ากลีบเมฆ , 2.หลอกลวงการเช่าโรงแรม หรือหลอกขายบัตรดูคอนเสิร์ตเกาหลี แล้วชิ่งหนีหาย , 3.ลักทรัพย์ ขโมยโทรศัพท์ด้วยการล้วงกระเป๋าเหยื่อ โดยอาศัยความชุลมุนในพื้นที่การจัดคอนเสิร์ตเกาหลี , 4.ฉ้อโกงทางโลกออนไลน์ เปิดเพจเฟสบุ๊คต่างๆนาๆ ขายของทางออนไลน์ ได้เงินแล้วหนีหายไม่มีการส่งของ และ 5.ตระเวนขอยืมเงินกับเพื่อนในโลกออนไลน์แล้วไม่คืน โดยลงมือก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าโกงชาวบ้านเป็นอาชีพ จนเหล่าผู้เสียหายได้รวมตัวสร้างกลุ่มจองกฐินสาวทอมรายนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละ สน.ก็ได้มีการออกหมายเรียกสาวทอมรายนี้ไปแล้วจำนวนมาก บางออกหมายเรียกไปครบ 2 ครั้งแล้ว สาวทอมยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหาอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ แต่ความแสบของสาวทอมรายนี้ยังไม่จบสิ้น เพราะเจ้าตัวตระเวน “แจ้งความกลับ” เหล่าผู้เสียหายเกือบทุกราย โดยอ้างว่าตนเองถูกข่มขู่ ถูกกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ เรียกได้ว่าเลวเต็มพิกัด ไม่มีความสำนึกใดๆ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ผบก.สส.บช.น. ทราบเรื่องส่งชุดสืบสวนออกไล่ล่าติดตามทันที ซึ่งจากการติดตามพบว่าสาวทอมตระเวนเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ ส่วนเงินที่โกงชาวบ้านมานั้นได้นำไปใช้ชีวิตแบบ “ติดแดก” กินหรูซื้อของแพง ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ต้องชื่นชมหนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายที่นำข้อมูลกับชุดสืบสวนว่าพบเห็นคนร้าย หลบหนีไปอยู่ห้องเช่ากับเพื่อนสาวคนหนึ่งในพื้นที่ย่านบางนา พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงได้นำกำลังบุกไปที่ห้องพักในคอนโดชื่อดัง ถ.รามคำแหง 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศจ.กรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าพบเพียงเพื่อนสาว แต่ไม่พบตัวคนร้าย จากการสอบถามเพื่อนสาวก็ไม่ทราบว่าสาวทอมออกไปไหน เหมือนจะคว้าน้ำเหลว แต่ชุดสืบสวนดันเห็นสิ่งของสำคัญของสาวทอมยังคงอยู่ภายในห้อง สัญชาตญาณบอกทันทีว่าคนร้ายต้องกลับมาแน่นอน จึงได้วางแผนซ้อนเร้นพลางกาย แอบดักคอยภายในห้องพักตามซอกมุมอับ เฝ้ารอสาวทอมกลับมาที่ห้องอย่างใจจดใจจ่อ กว่า 2 ชั่วโมง กระทั่งเสียงแห่งความหวังได้ดังขึ้น สาวทอมได้เคาะประตูห้องพัก เมื่อเปิดเข้ามาก็ถูกชุดสืบสวนที่แอบอยู่จับกุมแบบเซอร์ไพร์สไปตามระเบียบ ซึ่งหลังการจับกุมชุดสืบสวนนำตัวกลับมาขยายผลพบทำเอาทั้งชุดสืบสวนถึงกับขนลุกซู่ เพราะได้พบกับข้อความแชทที่ผู้ต้องหาทักหาหมอดู โดยหมอดูได้ทายให้ผู้ต้องหาหลบออกจากห้องพักในห้วงเวลาที่ชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบอย่างพอดิบพอดี แต่ก็ไม่อาจทานไหวพริบและความอดทนของชุดสืบนครบาลได้อยู่ดี
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนชื่อดังใน จ.ร้อยเอ็ด แล้วไม่ได้เรียนต่อ เรื่องคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนเองเคลียหมดแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้โกงใคร แล้วตนเองก็ได้มีการแจ้งความกลับเหล่าผู้เสียหายหลายๆรายด้วย ก่อนถูกจับกุมตนเองก็พึ่งโทรศัพท์คุยกับตำรวจรายหนึ่งมา โดยที่ตนเองถูกศาลออกหมายจับนั้นเพราะตนเองป่วยจึงไม่ได้ไปตามหมายเรียก
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ถือว่าเป็นประโยชน์มากที่กลุ่มผู้เสียหายได้รวมพลังกันเข้ามาให้ข้อมูลกับเรา หากแยกกระจัดกระจายกันแจ้งความตามโรงพักอาจจะทำให้ข้อเท็จจริงบางประการไปได้ไม่เต็มที่ แต่เมื่อนำข้อเท็จจริงและแผนประทุษกรรมคดีที่คนร้ายก่อทั้งหมดมารวมกัน ทำให้เราพิสูจน์ได้ถึงเจตนาทุจริตของคนร้ายได้ ผมขอกล่าวแสดงความชื่นชมผู้เสียหายและขอแสดงความห่วงใยผู้เสียหายหลายๆรายที่ถูกมิจฉาชีพรายนี้แจ้งความกลับ เราวิเคราะห์จากพฤติกรรมผู้ต้องหาแล้วนอกจากจะตระเวนก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ผมขอยืนยันว่าตอนนี้ผมได้รายงานเรื่องนี้ให้กับผู้บังคับบัญชารับทราบแล้ว พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. สั่งการให้มีการขยายผลโดยละเอียด โดยให้ดำเนินอย่างเด็ดขาด เพราะคนร้ายรายนี้ถือเป็นภัยต่อสังคม และเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะชนขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ผู้ใดเคยถูกผู้ต้องหารายนี้ ยักยอกหรือหลอกลวง ด้วยวิธีการใดๆ สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่เพจสืบนครบาล IDMB เราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ ตร
หลังจับกุมขยายผลได้นำของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดี ส่วนตัวผู้ต้องหาได้นำส่งศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะมีการขออนุมัติออกหมายจับคนร้ายรายนี้อีกหลายคดี ซึ่งจะมีการนำหมายจับไปประสานอายัดตัวต่อไป