ตำรวจCIB จับกุมบัญชีม้าแลกค่าตอบแทนหลักพันตั้งข้อหาหนัก โทษจำคุกตั้งแต่ 4-15 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท

56

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี, พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี, พ.ต.ท.หญิง สุธัญดา เอมเอก,พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง, พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก สว.กก.๓ บก.ปอท., ร.ต.อ.ประมุข ภิรมย์เจียว, ร.ต.ท.สุคนธ์ กองทอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท.

ร่วมกันจับกุม นายอรรถพรฯ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5356/2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดวามเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11-13 พ.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้เปิดปฏิบัติการ Cyber Guardian ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายหลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนเทรดหุ้น
มูลค่าความเสียหายกว่า 3,800,000 บาท โดยได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 7 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในกลุ่มบัญชีม้าได้จำนวน 2 ราย, กลุ่มนายหน้าหาบัญชีม้า จำนวน 2 ราย และกลุ่มฟอกเงินและรับผลประโยชน์ จำนวน 3 ราย และได้ตรวจยึดทรัพย์สิน ได้แก่ บ้านหรู, คอนโดมีเนียม, โฉนดที่ดิน, รถยนต์, กระเป๋าแบรนด์เนมและเงินสด รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดกว่า 80 ล้านบาท ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้สืบสวนติดตามผู้ต้องหาในเครือข่ายดังกล่าวที่ยังหลบหนีอยู่ จนกระทั่งสามารถจับกุม นายอรรถพรฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งนายอรรถพรฯ เป็นเจ้าของบัญชีม้าที่รับโอนเงินจากผู้เสียหายในคดีนี้ จำนวน 2 ล้านบาท และเปลี่ยนเป็นเงินสกุลคริปโทเคอร์เรนซีก่อนโอนให้ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง

สอบถามคำให้การเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ได้รับการชักชวนจากมารดาของเพื่อนให้เปิดบัญชีม้าและข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติเพื่อไปสแกนหน้าที่ฝั่งปอยเปตจริง โดยได้รับค่าจ้างเปิดบัญชี บัญชีละ 3,500 บาท โดยไปสแกนหน้าที่ออฟฟิศของคอลเซนเตอร์ฝั่งปอยเปต เป็นเวลาประมาณ 10 วัน จนกระทั่งบัญชีธนาคารถูกอายัดจึงได้กลับมายังฝั่งประเทศไทย

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์