เริ่มเห็นแสงปลายอุโมงค์..!!!หลัง ผบ.ตร.สั่งเร่งกู้วิกฤตศรัทธาสีกากี ถ้าร่วมกันปฎิบัติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะกลับมาสง่างาม เพราะมันคือผลงานของ”นายกฯอุ๊งอิ๊ง“ที่ประชาชนต่างเฝ้ารอ

312

     มาฟัง พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวเน้นย้ำไว้ในวันมอบนโยบายกับข้าราชการตำรวจภายใต้บังคับบัญชา กันครับ

“ท่านผู้บัญชาการ, ผู้บังคับการ,สารวัตรใหญ่, สารวัตรฟังดี ๆ นะครับ  ผมจะเดินหน้าสับเปลี่ยนให้ได้ครับ ให้ท่านเป็นอะไรครับ ให้ท่านเป็น Influencer ผู้มีอิทธิพลต่อพี่น้องประชาชน  โดยการยอมรับของพี่น้องประชาชน  มันไม่สำเร็จเร็ว ๆ นี้หรอกครับ

    แต่ผมจะทำให้ท่านกลายเป็นคนที่ประชาชน ไม่ไปหานักจัดรายการ  ไม่ไปหาคนที่คิดว่าทำอะไรเพื่อประโยชน์บางอย่าง แต่เราเป็นตำรวจ  แม่ทัพในกองทั้งหมดจะต้องทำตัวเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน มา!ไม่ได้รับความสะดวกจากหัวหน้าสถานีใช่ไหม ท่านอย่าโกรธลูกน้องครับ เราเป็นตำรวจครับ มาหาผม ท่านจะต้องทำเช่นเดียวกับ influencer ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่ต้องพูดชื่อนะครับ

      มาปุ๊บรับเรื่องปั๊บ ทำทันที ทำให้เห็นเลยว่า  นี่คือทำทันที  ผู้กำกับคนไหน สารวัตรใหญ่คนไหน สารวัตรไม่ทำ ท่านเรียกมาเลยครับ  แล้วทำในสิ่งที่เป็นหน้าที่และอำนาจของท่านโดยชอบ แล้วทำให้เร็ว  ทำไมผมทำ The Icon Group หนึ่งเดือน  ไม่ต้องการแสงเข้าหาตัว  แต่ผมเชื่อว่าท่านเห็น ในหนึ่งเดือนที่มันเกิดอะไรขึ้นกับตำรวจ  หน่วยงานส่วนราชการอื่นแปลกใจหมดเลยว่าทำไมประชาชน เขาบอกว่า…เรื่องนี้ตำรวจทำดี  และไม่อยากให้คดีนี้ไปอยู่ในหน่วยงานอื่นด้วย ท่านตามกันใช่ไหมครับ

   ผมไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้เลยนะ  แต่ผมคิดว่าเมื่อถึงเวลาผมจะทำตัวเป็นพวกนี้ มาเลย มาเลย นี่พี่ก้องคงรู้แล้ว ว่ากำลังจะโดนอีกเรื่องหนึ่งแล้ว นะครับ ฮวงจุ๊ย ฮวงจุ๊ย  เดี๋ยวดู เห็นไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น เอามาหาเราเลย  เราทำให้ ผู้การทำไม่ได้ ผู้บัญชาการครับ  ท่านต้องทำครับ แล้วเราจะประกาศเรื่องนี้ออกไปสู่สาธารณชน  แล้วถ้าเกิดประกาศไปแล้วท่านไม่ทำ ถ้าประกาศไปแล้ว  ผู้บัญชาการไม่ทำเป็น  เป็น Influencer เหมือนที่ผมต้องการ ดอกจันทร์ไว้ครับ ผู้การไม่ทำ ดอกจันทร์ครับ 

“ในระยะเวลาอันไม่ไกลครับ ท่านจะถูกเปลี่ยนความศรัทธาและเชื่อมั่น  กลับมาหาท่านทันทีครับ  แต่ที่ผ่านมาเราไม่เกี่ยว เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ บช.ก. ไป บช.ก. นี่แหละครับ คือจุดเล็กๆที่ท่านผ่านไป  เรื่องนี้มันเป็นเรื่องคดีแพ่ง  ไม่เอา ท่านก็ปล่อยผ่านไป เพราะท่านคิดว่าเพียงแค่ท่านบำบัดความทุกข์ให้เขา เพียงเล็กน้อย  เขาจะกลับมาหาท่านทันที  อันนี้เป็นเรื่องเน้นย้ำ ที่อาจจะเปลี่ยนจากเน้นย้ำ กลายเป็นนโยบาย “

ผมบอกว่าทำไมไม่เป็นนโยบาย เพราะว่ามันจะเป็นการทำให้ท่านรู้สึกกดดัน ว่าท่านต้องรีบทำ เอาแบบว่าค่อยๆไป แล้วท่านเป็นให้ผมดูนะ  หัวหน้าสถานี ปัดความทุกข์ ของประชาชน ท่านโดนนะครับ  ท่านโดนก่อนเลย เพราะนั่นคือจุดยุทธศาสตร์ที่โรงพักต้องเป็นผู้การ ผู้บัญชาการ ท่านต้องประคอง สถานีในปกครองท่านให้เป็นอย่างนี้ ที่ผมต้องการ จะไม่มีประชาชนคนไหนวิ่งไปหา  คนที่บอกว่า มาออกรายการกัน ออกรายการแล้วฉันได้อะไร แต่เราไม่ได้อะไรเลยนะครับ ท่านจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากความรัก ความเชื่อมั่น และความศรัทธา

      ซึ่งมันมีค่ามากกว่าเงินตอบแทนที่ได้จากการจัดเรื่องนี้เรื่องนั้นออกไป ท่านต้องคิดแบบผม  ผมไม่ต้องการอะไร ความดีความชอบทั้งหมด  จะตกที่องค์กรและก็ตัวพวกท่านเองทั้งหมดเลย เรามาอยู่หน้าที่นี้  ท่าน รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วยก็อยู่หน้าที่นี้  ท่านก็อยู่หน้าที่นี้ ต่างคนต่างทำไป แต่ขอให้เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าจะเดินหน้าในอนาคต  ที่จะไม่ให้ประชาชนวิ่งไปหาคนนู้นคนนี้ครับ”  “นี่คือสิ่งที่ ผบ.ตร.พูดไว้ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง“

ถ้าบรรดาผู้ใต้ผู้บังคับบัญชา ตอบรับตามนี้ ประชาชนจะเริ่มเห็นแสงปลายอุโมงค์ เพราะมันคือการกอบกู้ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจให้กลับมาสง่างาม เป็นที่พึงพอใจ ที่สามารถบำบัดทุกข์บำรุงสุข ตามหน้าที่ ผู้ที่ได้ชื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่แท้จริง องค์กรตำรวจก็จะกลับเป็นที่พึ่งของประชาชน อย่างแท้จริง นั่นคือไม่ใช่ผลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ผลงานของ ผบ.ตร. เท่านั้น แต่มันจะเป็นผลงานของรัฐบาลภายใต้นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ”แพทองธาร ชินวัตร“ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั่นเอง