นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดคำถามในวงกว้างว่า บ้านเมืองเรามาถึงจุดนี้ มาจากแผนบันได 10 ขั้น เพื่อการสืบทอดอำนาจหรือไม่ คือ
1.สมรู้ร่วมคิดกันสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย แบ่งงานกันทำอย่างเป็นกระบวนการเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อนำไปสู่การยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
2.ทำประชามติรัฐธรรมนูญในบรรยากาศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนไม่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญได้ เกิดความหวาดกลัวว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง จนตัดสินใจโหวตรับรัฐธรรมนูญด้วยภาวะจำใจ
3.สร้างกลไก ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน เพื่อเป็นคะแนนตุนในการโหวตเลือกนายกฯ
4.ออกแบบกติกาการเลือกตั้งที่ตั้งธงทำลายพรรคการเมือง ทำให้พรรคการเมือง อ่อนแอ เซ็ตซีโร่สมาชิกพรรคการเมืองจากจากยอดเดิมหลักแสน หลักล้านคน เหลือเพียงยอดหลักพัน หลักหมื่นคน
5.มีมาตรา 44 เป็นดาบอาญาสิทธิ์ข้างกาย ใช้ทั้งฟาดฟันและป้องกัน สามารถตัดสิน ลงดาบได้ในทุกกรณี จนกระทั่งได้รัฐบาลชุดใหม่
6.สร้างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นแผนสืบทอดอำนาจ โดยรัฐบาลหลังเลือกตั้งจะต้องเดินตามกรอบยุทธศาสตร์ชาตินี้ หากไม่ทำตาม อาจนำไปสู่การถอดถอนหรือลงโทษทางอาญา
7.เซ็ตซีโร่องค์กรอิสระบางองค์กร และไม่เสร็จซีโร่บางองค์กร ตามสถานการณ์ความจำเป็นของผู้มีอำนาจ และพยายามขยายอาณาเขตอิทธิพลเข้าไปในองค์กรอิสระเหล่านั้น
8.ทำโครงการไทยนิยมยั่งยืน แจกเงินหมู่บ้าน/ชุมชนละ 200,000 บาท สร้างความนิยมเฉพาะหน้า โดยในช่วง 2-3 ปีแรก ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรในลักษณะนี้เลย แต่พอใกล้เลือกตั้ง ก็ปั่นโครงการเพื่อสร้างคะแนนนิยมเฉพาะหน้า
9.ให้รัฐมนตรีในรัฐบาลไปเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่มีชื่อพ้องกับนโยบายที่สร้างจากภาษีอากรของประชาชน โดยไม่ลาออก ไม่ฟังเสียงประชาชน
10.ไม่ปลดล็อคพรรคการเมือง ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม แต่ปล่อยให้กลุ่มการเมืองในสังกัดของตัวเอง ทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบให้มากที่สุด สร้างโมเดลการเลือกตั้งคล้ายกับการทำประชามติ โซเชียลมีเดียถูกกำหนดให้ใช้อย่างมีเงื่อนไขและข้อจำกัด เปิดทำเนียบเป็นที่ทำการพรรคการเมือง ตบรางวัลมอบตำแหน่งให้กับคนร่วมในแผนยึดอำนาจ ให้มาทำงานกับรัฐบาล
“ประชาชนเป็นห่วงและมีคำถามว่าแผนบันได 10 ขั้นเพื่อการสืบทอดอำนาจมีจริงหรือไม่ และกังวลว่าหากมีจริงจะเกิดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมได้อย่างไร จึงขอเรียกร้องให้ 1.ไม่ใช้มาตรา 44 อีกต่อไป 2.ให้รัฐมนตรี 4 คน ที่ไปทำงานการเมือง ลาออก 3.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ 4.ให้พรรคการเมืองสามารถรับฟังและพบปะประชาชนเพื่อการจัดทำนโยบายได้” รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว