มาร่วมกันปิดสวิตซ์เปิดโปงขบวนการค้าบุหรี่เถื่อน ประเทศพัง เกษตรกรน้ำตาตก (ตอนจบ)

573

เส้นทางลักลอบนำเข้า

การลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านระบบขนส่งหลายรูปแบบ ทางน้ำ ทางบก และกองทัพมด ผ่านเข้าสู่ประเทศไทย ขบวนการบุหรี่เถื่อนเกล่านี้ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจรัฐ และมีการปรับเปลี่ยน “เทคนิค” การลักลอบนำเข้าและกระจายสินค้าเพื่อหลบหนีการจับกุมอยู่ตลอดเส้นทางหลักของการลำเลียงบุหรี่เถื่อนนั้นมาจากการขนส่งหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น “กองทัพมด” ที่ทยอยลักลอบผ่านด่านเข้ามาทีละน้อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ หรือลักลอบผ่านน่านน้ำชายฝั่งทางภาคใต้ที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ลักลอบขนถ่ายจากเรือประมงขนาดใหญ่สู่เรือประมงเล็กกลางทะเล รวมถึงการลำเลียงทางบกผ่านเส้นทางต่างๆ โดยใช้รถกระบะ ลักลอบนำเข้าล็อตใหญ่ หรือแม้แต่ใช้ช่องโหว่ด้านศุลกากรในการสำแดงเป็นสินค้าผ่านแดน หรือเขตปลอดอากร เพื่อหลบหลีกการตรวจสอบ

จากเดิมผู้ลักลอบนำเข้ามักมีโกดังร้างสำหรับพักสินค้าเอาไว้ ซึ่งหลายครั้งที่โดนบุกจับกุมยึดของกลางได้ แต่ก็มักจะไม่ได้ตัวผู้ต้องหาให้นำไปขยายผลสืบสวนต่อ พัฒนาสู่โกดังเคลื่อนที่ เก็บไว้ตามท้ายรถกระบะ หรือหน้าร้านขนาดเล็ก เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และเอื้อต่อการขนส่งผ่านผู้ซื้อให้ได้เร็วที่สุด โดยทางบกมักนำเข้าจากจากประเทศมาเลเซีย เข้าทาง จ.นราธิวาส จ.สตูล และ จ.สงขลา ไม่ก็จากประเทศกัมพูชา เข้าทาง จ. สระแก้ว จ.จันทบุรี และ จ. ตราด ส่วนทางน้ำ 79% มาจากประเทศเวียดนามทางเรือ เข้าสู่ประเทศไทยผ่านการสำแดงเป็นสินค้าผ่านแดน แต่ออกไปจากชายแดนทางทะเลไทย และวนกลับเข้าสู่ท่าเรือขนาดใหญ่และขนาดเล็กในพื้นที่เขตชายแดนทะเล เช่น ในจ.ตรัง จ.สตูล และ จ.สงขลา

ช่องทางการจัดจำหน่าย

ร้านขายบุหรี่เถื่อนเพิ่มจำนวนขึ้นมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ 8 จังหวัดในภาคใต้ ที่เปิดหน้าร้านขายสินค้าเถื่อน อย่างไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐ มีร้านค้าบุหรี่เถื่อนแบบสแตนด์อะโลน (stand-alone) คือเปิดหน้าร้านขายบุหรี่หนีภาษีอย่างเดียวเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ปัจจุบัน ร้านค้ารูปแบบนี้ก็ปรับเปลี่ยนหน้าร้านให้เหมือนร้านค้าโชห่วย เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่และลดการเป็นเป้าสนใจ

ร้านค้าเหล่านี้เมื่อถูกจับกุมและเสียค่าปรับไปแล้ว ก็มักจะกลับมาเปิดขายกันได้ตามปกติ หรือบางร้านอาจมีเทคนิคในการหลบเลี่ยงด้วยการกระจายสินค้าไปเก็บไว้ที่อื่น เช่น รถปิกอัพ หากตำรวจจะเข้าจับกุมก็สามารถขับรถหนีไปซ่อนที่อื่นได้ ทำให้ไม่โดนยึดของกลาง และสามารถมีสินค้ากลับมาขายใหม่ได้ไม่ขาดช่วง บางร้านใช้เทคนิคการตบตาเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ด้วยการเปิดหน้าร้านเป็นร้านรับส่งพัสดุ เพื่อให้ยากต่อการจับกุม

นอกจากนี้การค้าออนไลน์และระบบขนส่งที่รวดเร็วทั่วประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การควบคุมและจับกุมบุหรี่เถื่อนยากขึ้น เนื่องจากผู้ค้าเหล่านี้ไม่มีหน้าร้านที่ชัดเจน การซื้อขายเกิดขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้ผู้ลักลอบสามารถขายและส่งบุหรี่เถื่อนให้กับผู้บริโภคโดยตรงโดยไม่มีการตรวจสอบ ยากต่อการติดตามตัวผู้กระทำผิด
บุหรี่เถื่อนกระทบทั้งอุตสาหกรรมและประเทศชาติ

ผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบ-ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปซื้อ

บุหรี่เถื่อนซึ่งมีราคาถูกกว่ามาก ทำให้ยอดขายบุหรี่ลดลง ส่งผลกระทบต่อการรับซื้อใบยาจากชาวไร่ บุหรี่เถื่อน 25% คิดเป็นใบยาที่หายไปกว่า 7 ล้านกิโลกรัม มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาทต่อปี เท่ากับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตตบอลโลก 2022 กระทบชาวไร่ยาสูบกว่า 22,000 ครอบครัวทั่วไทย

ผลกระทบต่อร้านค้าที่จำหน่ายบุหรี่ถูกกฎหมาย- ร้านค้าไม่สามารถขายบุหรี่ได้ เนื่องจากลูกค้าหันไปซื้อบุหรี่เถื่อนแทน ทำให้ยอดขายบุหรี่ลดลงกว่า 50% ซึ่งเมื่อลูกค้าไม่เข้าร้านก็ทำให้ร้านค้าเสียโอกาสในการขายสินค้าอื่นไปด้วย ซึ่งรายได้จากการขายบุหรี่เฉลี่ยคิดเป็น 20-30% ของรายได้รวมจากการขายสินค้าในแต่ละวัน ร้านค้าบุหรี่ที่ถูกกฎหมายทั่วประเทศประมาณ 5 แสนร้านค้า โดยเฉพาะภาคใต้รายได้ต่อวันลดลงเฉลี่ย 700-1,400 บาท คิดเป็นความสูญเสียรวมกว่า 2,200 ล้านบาท เท่ากับสนามกีฬาขนาดกลาง (8 หมื่นที่นั่ง) 2 สนาม

ร้านค้าขนาดเล็กยังได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของขบวนการบุหรี่ปลอม ที่มักจะนำสินค้ามาหลอกขายร้านค้า ซึ่งร้านค้าที่ดูไม่ออก ก็จะโดนหลอกให้รับซื้อบุหรี่ปลอมไว้ ทำให้ต้องตกเป็นผู้กระทำผิดตามกฎหมายมีโทษทั้งจำและปรับ และยังต้องเสียเงินซื้อบุหรี่ปลอมมาเก็บไว้แต่ไม่สามารถขายได้อีกด้วย

ขณะที่ส่งผลกระทบต่อรายได้รัฐกว่า 23,000 ล้านบาท ต่อปี หรือเท่ากับอาคารโรงพยาบาลขนาด 800-1,000 เตียง 2 โรงพยาบาล, ภาษีสรรพสามิต 17,000 ล้านบาท, ภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (Earmarked Tax) 1,300 ล้านบาท, ภาษีบำรุงท้องที่ 700 ล้านบาท, ภาษีมหาดไทย 1,700 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,900 ล้านบาท

อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อการควบคุมการบริโภคยาสูบ ส่งผลกระทรวงสาธารณสุข ไม่บรรลุวัตถุประสงค์การควบคุมยาสูบ เนื่องจากบุหรี่เถื่อนราคาถูก ผู้สูบบุหรี่ เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้ง ยังไม่มีภาพและข้อความเตือนถึงอันตรายของการสูบบุหรี่ และผลกระทบด้านสังคม เนื่องจากบุหรี่เถื่อนเป็นต้นตอของการทุจริต คอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การทำงานของรัฐบาล กระทรวงการคลัง กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การค้าบุหรี่เถื่อนยังอาจะเป็นแหล่งเงินทุนของอาชญากรรมข้ามประเทศอีกด้วย


ปราบบุหรี่เถื่อนความท้าทายภาครัฐ

ข้อมูลจาก ROYAL THAI GOVERNMENT ระบุว่าที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพสามิต เข้มงวดในการปราบปรามและจับกุมการลักลอบนำเข้าและการจำหน่ายบุหรี่เถื่อนมากขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพสามิตมียอดปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย 13,170 คดี เพิ่มสูงขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ค่าปรับ 361.73 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 2,334.40 ล้านบาท จำนวนของกลาง แบ่งเป็นยาสูบในประเทศ 301,961 ซอง และยาสูบต่างประเทศ 2,579,434 ซอง

อย่างไรก็ตามแม้จะมีการปราบปรามมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้การบริโภคบุหรี่เถื่อนลดลง เพราะเป็นการจับกุม “ร้านค้าผิดกฎหมาย” ที่เป็น “ปลายทาง” ของบุหรี่เถื่อนเท่านั้น แต่ยังขาดความเข้มงวดจริงจังกับการสืบสวนสอบสวน จัดการ “ผู้ลักลอบนำเข้า” ซึ่งเป็น “ต้นทาง” ทำให้มีร้านค้าผิดกฎหมายเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา และหาช่องทางหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง

จัดการบุหรี่เถื่อนอย่างไรดีอันดับแรก ต้องจัดการกับประเทศแหล่งกำเนิด/ต้นทาง โดยขั้นแรกของการแก้ไขปัญหาบุหรี่เถื่อน คือ เราต้องยอมรับก่อนว่าปัญหาบุหรี่เถื่อนในประเทศไทยไม่ใช่เพียงปัญหาที่จัดการได้ด้วยการยกระดับการปราบปรามภายในประเทศเพียงเท่านั้น  (ปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ Home grown problem) เนื่องจากบุหรี่เถื่อนเหล่านี้ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศอื่น เข้าสู่ประเทศไทยตามช่องทางต่างๆ ดังนั้น ก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอาจต้องเริ่มต้นด้วยการร่วมมือในการปราบปรามบุหรี่เถื่อนระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลที่เป็นประเทศต้นทางผู้เป็นต้นทางการส่งออกหรือทางผ่านของบุหรี่เถื่อนเหล่านี้มายังประเทศไทย อาทิ เช่น เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์  UAE เพื่อให้เกิดความร่วมมือในระดับภูมิภาคผ่านกลไก G2G และ ASEAN

ฉะนั้นไทยจำเป็นต้องแก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับสินค้าผ่านแดน สินค้าถ่ายลำ และสินค้าในเขตปลอดอากรเพื่อควบคุมสินค้าบุหรี่ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น เช่นการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมกรณีเป็นสินค้าผ่านแดน สินค้าถ่ายลำ และสินค้าในเขตปลอดอากร และเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าศุลกากรในการตรวจสอบสินค้าในเขตปลอดอากรร่วมมือรัฐ-เอกชนสกัดกั้นการกระจายสินค้า

ก้าวถัดมาคือการให้ความสำคัญกับการสกัดกั้นและทลายห่วงโซ่อุทานของการลักลอบค้าบุหรี่เถื่อนในประเทศไทยทั้งการนำเข้า โกดังสินค้า และเครือข่ายการกระจายสินค้าทั้งช่องทางหน้าร้านและเครือข่ายค้าบุหรี่ออนไลน์ต่างๆ โดยยกระดับปัญหาเป็นวาระแห่งชาติและเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล  ขณะเดียวกันก็ยกระดับการปราบปรามเครือข่ายค้าบุหรี่เถื่อนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ที่ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการจัดการปัญหาบุหรี่เถื่อน  เพิ่มความเอาจริงเอาจัง การสืบหาผู้เกี่ยวข้องและผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังการค้าบุหรี่ผิดกฎหมายเหล่านี้ล้วนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคม และสร้างความเกรงกลัวให้แก่ผู้กระทำผิดหรือคนที่กำลังคิดจะเข้ามาสู่วงจรการค้าบุหรี่เถื่อนได้มากขึ้น พร้อมไปกับการแก้ไขกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินโดยเพิ่มความผิดตาม พรบ ภาษีสรรพสามิต ให้เป็นความผิดมูลฐาน เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน นอกเหนือจากการดำเนินคดีอาญา

นอกจากภาครัฐแล้ว ความร่วมมือจากภาคเอกชนผ่านสมาคมการค้าต่างๆ ก็ถือเป็นกลไกสำคัญในการสะท้อนปัญหาและสร้างพื้นที่ในการหารือและเสนอความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เช่นการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เป็นต้น(จบ)

อ่านบทความตอนแรกได้ที่นี่