รมว.ยธ. เปิดประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม
และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 1/2567 รับฟังความเห็นจากทุกหน่วยงาน เน้นปราบปรามผู้ค้ารายย่อย และจนท.รัฐ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หากมีข้อมูลขอให้ส่งถึง ผบ.ตร.ได้โดยตรง จะดำเนินการอย่างจริงจังและเด็ดขาด
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 1/2567 โดยมี
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการ ทบ. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รักษาราชการแทน ผบช.ปส. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุนทร สุนทรชาติ รองปลัด กทม. นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายศิริสุข ยืนหาญ
รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย คณะกรรมการฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมฯ ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 10-01 ชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า “ยาเสพติดถือเป็นวาระนานาชาติ เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ร้ายแรงที่สุด ต้องยกระดับให้อาเซียนมาร่วมมือกัน และซึ่งตรงนี้ได้เน้นย้ำถึงการยกระดับการสกัดกั้นเข้มข้นตามแนวชายแดน และเพิ่มมาตรการเชิงรุกตัดเส้นทางลำเลียงตอนใน และการยึดทรัพย์ยาเสพติดเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ชัยชนะอยู่ที่ “หมู่บ้านชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการในพื้นที่”
นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาลคือ การบำบัดรักษา และการฟื้นฟูสภาพทางสังคม จัดให้มีระบบติดตามช่วยเหลือไม่ให้กลับมาเสพซ้ำ เพื่อคืนคนมีคุณภาพกลับสู่สังคม โดยใช้หลักวิชาการ เพิ่มเครื่องมือช่วยเหลืองานป้องกันแก้ไขยาเสพติด และยึดหลักสร้างความพึงพอใจของประชาชน เพราะจากข่าวที่เกิดขึ้นใน จ.บุรีรัมย์ ตนรู้สึกถึงความรักของครอบครัวที่ไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ชุมชน แต่ในเรื่องดังกล่าว ต้องบูรณาการทุกหน่วยงาน ช่วยสนับสนุน เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน”
นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะฝ่ายเลขานุการประชุมได้นำเสนอต่อที่ประชุมถึงข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ณ จังหวัดร้อยเอ็ด ใน 6 เรื่อง ได้แก่ 1) ยกระดับยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และยกระดับให้เข้มข้น ขยายผลลงไปยังภูมิภาค 2) กำหนดพื้นที่นำร่องปลอดยาเสพติด หรือ ลดยาเสพติดให้ได้ มากถึง 90% ก่อนเทศกาลสงกรานต์ใน 10 จังหวัด 3) ตัดวงจรยาเสพติด โดยเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิด และดำเนินการตามข้อร้องเรียนของประชาชน 4) มอบหมาย ป.ป.ส. จัดทำข้อมูลสถานการณ์ยาเสพติดและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ 5) มอบกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ทหาร ตำรวจ บูรณาการ งานบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติด 6) เน้นย้ำถึงกระบวนการบำบัดรักษาไม่ให้กลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นำเสนอสถานการณ์ยาเสพติดว่ายยาสเพติดทั้งหมดมาจากนอกประเทศ ถูกลำเลียงและนำมาพักในแหล่งพื้นที่ภาคกลาง สำหรับการจัดการสกัดกั้นยาเสพติดระดับต่อไป จะเน้นเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น จัดให้มีปฏิบัติการเพื่อปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่โดยรอบแหล่งผลิต เน้นการบูรณาการขับเคลื่อนยาเสพติดกับนานาชาติ
ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า ด้านปราบปราม ทางตำรวจได้เพิ่มรูปแบบการปราบปรามในหลายมิติ เน้นปราบปรามในกลุ่มรายย่อยเพิ่มมากขึ้น และจะเพิ่มการคุมเข้มดำเนินการในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งให้แจ้งข้อมูลเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้โดยตรงด้วย
สำหรับการประชุมครั้งนี้ร่วมกันพิจารณาและมีมติ 1. เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และแผนจังหวัด โดยกำหนดเป้าหมายในกรอบ 6 มาตรการ 47 แนวทาง 5 ตัวชี้วัดหลัก 21 ตัวชี้วัดย่อย ใน 76 จังหวัด/กทม. ที่จะมีรูปแบบปรับเปลี่ยนตามบริบทของแต่ละจังหวัด 2.เห็นชอบจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามเร่งรัดการบำบัดรักษา ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ป้องกันปราบปรามยาเสพติด (ศปก.ครส.) 3.เห็นชอบจัดตั้งศูนย์อำนวยการและศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในระดับพื้นที่ ประกอบด้วย ศอ.ปส.จ. /ศป.ปส.อ/ข ,ศป.ปส.อปท.4.คณะอนุกรรมการการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ 5.คณะอนุกรรมการกลั่นกรองคำขออนุมัติแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุนช่วยเหลือ หรือสมคบกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด 6. คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนขยายผลด้านการเงินคดียาเสพติด 7.คณะทำงานประสานงานหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ 8.คณะทำงาน AITF ท่าอากาศยานสากล และ9. คณะทำงาน SITF ท่าเรือสากล