ที่รัฐสภา วันที่ 25 ตุลาคม 2567 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรีใน ฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีการตั้งข้อสังเกตของนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ระบุว่าการที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของรายงานของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพรบ.นิรโทษกรรมนั้น แสดงถึงความไม่มีเอกภาพของรัฐบาลนั้น ว่าการลงมติไม่เห็นด้วยดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความเป็นเอกภาพ และมีความมั่นคง จากการที่ปรับพื้นฐานทางความคิดเข้าหากัน จนมีแนวทางเดียวกัน แม้ในอดีตจะมีความเห็นต่างอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันมีพื้นฐานความคิดเดียวกันแล้วย่อมสะท้อนถึงเอกภาพของรัฐบาลในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี
ต่อมาการที่หลายพรรคการเมืองมีมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตในรายงานฉบับดังกล่าวนั้น ไม่ได้หมายความถึงว่าจะไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมในการกระทำความผิดที่มีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติขอยืนยันว่าเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิดที่มีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมือง เพื่อหาทางออกให้กับประเทศจากวังวนของความขัดแย้ง แต่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดในมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
นายอัครเดชกล่าวว่า ดังนั้นพรรคจึงได้เสนอร่าง พรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … เข้าสู่สภาฯ เพื่อนิรโทษกรรมคดีที่มีมูลเหตุจากปัจจัยทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เพื่อยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยไม่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิดในมาตรา 112
“พรรครวมไทยสร้างชาติจึงเรียกร้องให้พรรคประชาชนและทุกภาคส่วนได้เห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว เพื่อหาทางออกให้กับสังคมไทยที่ติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นทางออกของประเทศชาติอย่างเเท้จริง ตามที่ทุกฝ่ายปรารถนาอยากเห็นความปรองดองสมานฉันท์ในชาติให้เกิดขึ้น” นายอัครเดช กล่าว