กฎหมายใหม่ฯกำหนดให้แต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่15 ปีนี้ต้องล่าช้า หลัง 2 ตุลาคม ประธาน ก.ตร.ผู้เสนอชื่อต้อง “นายกฯอุ๊งอิ๊ง”เท่านั้น

551

จับตาดู หากยึดหลักกฏหมาย ระบบคุณธรรม จะช่วยกอบกู้องค์กรตำรวจกลับมาสง่างาม แถมได้ความศรัทธาเรียกแนนเสียงเพิ่มให้พรรคเพื่อไทย มี 2 ทาง เลือก จะทำตามใบสั่ง หรือยึดหลักกฏหมาย.?

30 กันยายนนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร ก็จะเกษียณอายุราชการ เกือบทุกปีมีมักจะมีคำถามคือแล้วใครล่ะจะเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ก่อนหน้านี้เนี่ยมันมีประเด็นรองโจ๊กทําให้ถือว่าเป็นประเด็นร้อนที่มีการพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องแต่ตอนนี้เนี่ยบิ๊กโจ๊กถูกออกจากราชการไว้ก่อนไปแล้วดังนั้นก็ตัดช้อยส์ไป เหลืออยู่ 3 คนที่ตอนนี้เป็น รอง ผบ.ตร.ที่ไม่ได้เกษียณปีนี้

ดังนั้นน่าสนใจทีเดียวว่าใครจะมาเป็น ผบ.ตร.คนต่อไปเราเลยเอาประเด็นนี้มาวิเคราะห์กันประเด็นเหล่านี้เนี่ยก็อยากจะให้ดูเรื่องของอาวุโสเป็นหลัก แต่ว่าในกฎหมายข้อบังคับเนี่ยมันไม่ได้บังคับมันไม่ได้บังคับไว้ว่าต้องดูเรื่องของอาวุโสแต่ให้ประเด็นตรงนี้เนี่ยเป็นปัจจัยในการพิจารณาเท่านั้นไป คณะกรรมการข้าราชการตํารวจหรือ กตร.ต้องยึดหลักระบบคุณธรรม ในการคัดเลือกผู้มานั่งเก้าอี้พิทักษ์ 1 

ต้องยอมรับว่ากระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตํารวจปีนี้เพื่อทดแทนตํารวจที่จะเกษียณ 30 กันยายนนี้ มันจะล่าช้ากว่าปกติ ตําแหน่งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติปกติของทุกปี จะพิจารณากันตั้งแต่เดือนที่แล้วสิงหาคม ก็จะเสร็จภายในเดือนที่แล้วอาจจะมีมาถึงกันยายนบ้าง

แต่ในปีนี้จะล่าช้าเนื่องจากว่าการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจจะต้องเป็นไปตามกฎหมายพระราชบัญญัติข้าราชการตํารวจปี 2565 และต้องเป็นไปตามกฎ ก.ตร.ซึ่งมีรายละเอียดเรื่องวันเวลาการกําหนดความอาวุโสที่นายกรัฐมนตรีเพิ่งลงนามไปเมื่อวันที่ 5 เมษายน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อพ้น 180 วันนับตั้งแต่วันที่ลงนาม จึงจะใช้กฎนี้ได้ครบในวันที่ 2 ตุลาคม 2567 นี้

นั่นคือจะมีผลบังคับใช้ได้ 2 ตุลาคม แต่กระบวนการการแต่งตั้ง ผบ.ตร. และข้าราชการทุกระดับก็จะเริ่มต้น 3 ตุลาคม ก็แปลว่าพอ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณ ก็ต้องมีคนรักษาการยังไม่ได้มี ผบ.ตร.คนใหม่เสียบแทนในวันที่ 1 ตุลาคมเลย  เมื่อให้มองแคนดิเดต ผบ.ตร.ที่เข้าหลักเกณฑ์ว่าเรื่องของตําแหน่งงานตามกฎหมาย กําหนดเอาไว้สองเงื่อนไขคือ(1) ต้องเป็นยศ พล.ต.อ. (2) ต้องเป็นตําแหน่ง รองผบ.ตร.หรือว่าจเรตํารวจซึ่งถือเป็นยศเทียบเท่าโดยนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้เสนอชื่อคัดเลือก ผบ.ตร.โดยจะต้องคํานึงถึงหลักเกณฑ์ตามกฎหมายกําหนดอย่างเรื่องอาวุโส ความ สามารถ ประสบการณ์งานสืบสวนสอบสวนป้องกันปราบปราม

ขณะนี้มีผู้ที่เข้าหลักเกณฑ์ 3 คนไล่เรียงตามอาวุธตามอาวุโสเลย (1)ก็คือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. ซึ่งท่านจะเกษียณในปี 2569 ต่อมา อาวุโสระดับ (2)คือ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตํารวจอันนี้ท่านจะเกษียณอีกหนึ่งปีก็คือปี 68 ท่านที่ (3)พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ ซึ่งอันนี้ท่านจะเกษียณอีกสองปีเหมือนกันพร้อมกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เราสามารถมองว่าทั้ง 3 คนนี้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดทั้งหมดหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ว่าจะหยิบยกท่านใดเสนอให้ ก.ตร.เห็นชอบ

หลักเกณฑ์ในการพิจารณาตามกฎหมายที่กําหนดไว้ก็กําหนดไว้อย่างกว้างขวางนั่นก็คือว่าให้คํานึงถึงอาวุโส หมายถึงว่าใครเป็น รอง ผบ.ตร.ก่อนหน้าหลังกันอย่างไร คํานึงถึงความรู้ความสามารถความรู้ความสามารถก็หมายถึงประวัติรับราชการประสบการณ์ในการทํางานของผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและทั้งนี้ทั้งนั้นก็ที่ประการที่สําคัญก็คือมีประสบประการณ์ในเรื่องงานสืบสวนสอบสวนในเรื่องงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งจริงจริงแล้วเนี่ยทั้งสามท่าน ก็มีคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกําหนดก็อยู่ที่ท่านนายกฯจะพิจารณาเสนอชื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

ทั้งนี้ในรอบที่ผ่านมาเนี่ยเกิดปัญหาร้องเรียนเรื่องการไม่เสนอตั้งแคนดิเดตตามอาวุโสสูงสุด  แต่ในครั้งนี้ควรยึดอาวุโสอันดับ 1 ขึ้นมาก่อน ที่สำคัญสุดต้องคํานึงถึงระบบคุณธรรม ความรู้ความสามารถ ถึงแม้อาวุโสลําดับ 1 ก็ต้องจะได้รับการพิจารณาการโดยให้คํานึงถึงหมายถึงว่าต้องมีเหตุผลอื่นประกอบด้วยและก็ต้องมีเหตุผลชี้แจงให้ได้ว่าทําไมถึงไม่เลือกอาวุโสหนึ่ง ซึ่งในครั้งที่ผ่านมาการเลือกผู้อาวุโสลําดับ 4 เข้ามารับตําแหน่งซึ่งท้ายสุดคณะกรรมการส่วนใหญ่พร้อมการพิจารณาของนายกรัฐมนตรีที่มีอํานาจในการเสนอชื่อ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบ ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจล่มสลายตามที่เห็นๆกัน

เพราะฉะนั้นการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในครั้งที่ถึงนี้เราจําเป็นจะต้องพิจารณาโดยคํานึงถึงอาวุโสก็ต้องพิจารณาว่าคนที่อาวุโสอันดับที่ 1 เนี่ยเค้าอาวุโสแต่ว่าเค้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นหรือด้วยเหตุผลประการใดมีข้อจํากัดมีข้อบกพร่องอะไรก็ต้องบันทึกไว้ให้เป็นเหตุผลชัดแจ้งแล้วก็พิจารณาเรียงมาเอาอันดับสอง ไม่ให้เข้าเพราะเหตุอะไร จากนั้นมาดูว่าอาวุโส อันดับ 2 เป็นได้ไหมถ้าเป็นไม่ได้มีเหตุผลอะไร อันนี้ก็ต้องมีเหตุผลบันทึกไว้ชัดเจน  ถึงมาพิจารณาอาวุโสอันดับ 3 แต่ว่าถ้าหยิบอาวุโสอันดับที่ 3 สมมุติในกรณีปีนี้นะครับจะหยิบขึ้นมาเนี่ยมันก็ต้องหาเหตุผลอธิบายให้ได้ว่า อาวุโสอันดับ 3 มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกว่าอาวุโสอันดับ 1,2 อย่างไรก็ต้องประกอบกันทั้งสองด้าน คือในส่วนคนที่จะข้ามเข้ามาก็จะต้องมีเหตุผลรองรับให้ชัดเจนว่าเค้าไม่เหมาะสมที่จะแต่งตั้งเป็นเพราะเหตุใด ถ้าอาวุโส อันดับ 2 ไม่เหมาะสมเพราะเหตุใด อาวุโสอันดับ 3 เหมาะสมกว่าเพราะเหตุใดคือทั้งหลายทั้งปวงมันต้องมีเหตุผลอธิบายให้ชัดเจน

ถ้านายกรัฐมนตรีต้องตระหนัก ยึดมั่นพ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 และกฏ ก.ตร.ว่าการแต่งตั้งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฏหมายที่แท้จริงเป็นหลัก ก็จะถือได้ว่าท่านเป็นประธาน ก.ตร.ที่มีระบบคุณธรรม พร้อมกอบกู้องค์กรตำรวจกลับมาให้สง่างามได้ตามที่ข้าราชการตำรวจคาดหวัง และจะเรียกคะแนนเสียง ให้กับพรรคเพื่อไทยได้อีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ยังมีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ(ก.พ.ค.ตร.)ซึ่งจะเป็นคณะกรรมการชุดที่ตรวจสอบการใช้อํานาจของ ก.ตร.และผู้บังคับบัญชาในการแต่งตั้งโยกย้ายว่าใช้อํานาจอย่างถูกต้องโดยชอบธรรมหรือไม่อยู่แล้ว  ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นปีที่แล้วหากแคนดิเดต  ผบ.ตร.ที่อาวุโสอันดับ 1 ถึง 3 ร้องเรียนให้ตรวจสอบการแต่งตั้งก็อาจจะมีผลพิจารณาเกิดขึ้นแต่ปรากฏว่าอาวุโสที่ 1 ถึงที่ 3 เขาไม่ร้องคณะกรรมการชุดนี้แต่กลับไปร้องเรียน ป.ป.ช.แทน สำหรับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ตอนนี้ต้องเรียก อดีต รอง.ผบ.ตร.ที่ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนทําให้ท่านเนี่ยพ้นจากตําแหน่ง รอง ผบ.ตร.เลยไม่มีชื่ออยู่ในแคนดิเดต  ทางคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมวินิจฉัยเป็นที่สุดแล้วว่าให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายและคดีทางวินัยตอนนี้ก็อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ตรงนี้หากจะต่อสู้ต้องไปฟ้องศาลปกครองภายใน 90 วัน คาดว่ากระบวนการต่อสู้ทั้ง 3 ส่วนนี้ไม่น่าจะแล้วเสร็จทันกระบวนการเสนอชื่อคัดเลือกผบ.ตร.ในรอบปีนี้

แต่โดยสรุปขณะนี้สถานะของท่านคือท่านพ้นจากการเป็นตํารวจให้ออกไปก่อนชั่วคราวตอนนี้ ท่านไม่ได้เป็นรอง ผบ ตร.แล้วเพราะฉะนั้นท่านก็ไม่มีคุณสมบัติในการที่จะแต่งตั้ง ท่านจะมีคุณสมบัติต่อเมื่อกระบวนการทั้งหมดนะคดีอาญาเสร็จสิ้นหรือวินัยสอบแล้วไม่ผิดหรือว่ามีคําสั่งว่าคําสั่งที่ให้ท่านออกจากราชไม่ชอบก็ให้ท่านกลับมา ขบวนการทั้งหมดเนี่ยมันก็จะย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่ท่านออก ท่านถึงจะกลับมาได้ แต่ขณะนี้เนี่ยในปีนี้ก็คาดว่ากระบวนการทั้งหลายที่ว่ามานี้ก็อาจจะไม่สามารถดําเนินการได้ทันเพราะว่าอยู่ในระหว่างดําเนินการถ้าทุกอย่างทั้งเรื่องทั้งหลายทั้งปวงทั้งคดีอาญาคดีวินัยหรือคําสั่งให้ออกไปชั่วคราวถ้ามันเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ท่านก็กลับมาเมื่อนั้นถ้ากลับมาสมมุติว่าถ้าปีหน้าท่านกลับมาท่านก็เป็นแคนดิเดตปีหน้า ท่านกลับมาเมื่อไหร่ก็เป็นแคนดิเดตปีนั้นแต่ปีนี้ไม่น่าทันแล้ว  

ทีนี้เมื่อถามถึงประเด็นที่ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจจะมอบหมายให้คุณภูมิธรรม เวชยชัย มากํากับดูแลตํารวจด้วยนั้น ”คำว่าอํานาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ตําแหน่งนายกรัฐมนตรีเนี่ยเป็นผู้บังคับบัญชาของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ“อยู่แล้ว ซึ่งมอบหมายให้คนอื่นมากํากับดูแลงานในสํานักงานตํารวจแห่งชาติได้   แต่นายกรัฐมนตรี สุดท้ายจะมอบหมายให้นายภูมิธรรม หรือใครก็ตามท่านก็ยังมีตําแหน่งเป็นประธาน ก.ตร. ซึ่งตําแหน่งประธาน ก.ตรต้องเข้าประชุมด้วยตัวเองทุกครั้งมันมอบหมายให้คนอื่นมาเป็นประธานแทนไม่ได้คือมอบหมายให้ดูแลได้  แต่การมาเป็นประธานการประชุม ก.ตร.กฏหมายไม่เปิดช่องไว้