“รองฯเม่น”นำทีมแถลงรวบหนุ่มเมียนมาหนีคดีฆ่าเพื่อน-หนุ่มเกาหลีค้ายา อีกคดีแก๊งรัสเซียนำยูโรปลอมแลกเงิน

0
170

รองผบช.สตม.นำทีมแถลง จับกุมหนุ่มเมียนมาฆ่าคู่อริเพื่อนร่วมชาติ รวบตัวได้ทันก่อนหลบหนีออกนอกประเทศ จับหนุ่มแดนกิมจิ รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด หลบหนีหมายจับจากเกาหลี อีกคดีรวบแก๊งรัสเซีย นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธ ความเสียหายกว่าล้านบาท และ OVER STAY

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์    รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม  ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามา     แฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด   

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สุเมธ เจนวงศ์พิทักษ์ ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ, พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้   

1. สตม.บูรณาการร่วมฯ จับกุมหนุ่มเมียนมาฆ่าคู่อริเพื่อนร่วมชาติ รวบตัวได้ทันก่อนหลบหนีออกนอกประเทศ

ตม.จว.สมุทรปราการ ร่วมกับ ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, กก.1 บก.สส.สตม. และ สภ.บางปะกง จับกุมนายอ่อง ลี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง     จว.ฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ริมถนนสาธารณะ ซอยสุทธิภิรมย์ ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ

จากกรณีแรงงานสัญชาติเมียนมา ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันที่บริเวณหน้าที่พักคนงานก่อสร้าง อ.บางปะกง   จว.ฉะเชิงเทรา โดยนายมิน ถูกอาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนายอ่อง ลี หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไป ตม.จว.ฉะเชิงเทรา จึงได้แจ้งข้อมูลให้กับ ตม.จว. ต่างๆ ให้ช่วยสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีและเฝ้าระวังการหลบหนีออกจากประเทศไทย ต่อมาจากการสืบสวนของ ตม.จว.สมุทรปราการ ทราบว่า  นายอ่อง ลี ได้หลบหนีคดีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ จึงได้ร่วมกับ     ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, กก.1 บก.สส.สตม. และ สภ.บางปะกง ออกสืบสวนหาตัวนายอ่อง ลี จนกระทั่งพบนายอ่องลี ที่ริมถนนสาธารณะ ซอยสุทธิภิรมย์ ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ จึงได้จับกุมนำตัวส่ง พงส.สภ.บางปะกง ดำเนินคดีตามกฎหมาย  

2. สตม.จับหนุ่มแดนกิมจิ รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด หลบหนีหมายจับจากเกาหลี มากบดานพัทยา OVER STAY เกือบปี

    ตม.จว.ชลบุรี ได้รับการประสานข้อมูลจาก ป.ป.ส. ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนายจิน     (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) ต่อมาได้รับแจ้งจากสายลับว่านายจินจะเดินทางมายังร้านอาหารเกาหลีในพื้นที่ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้สะกดรอยติดตามจนนายจินปรากฏตัว จึงได้แสดงตัวจับกุมในข้อหา OVERSTAY จากการสอบถามนายจินเกี่ยวกับพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด นายจินให้การยอมรับว่าตนเป็นรองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด ทำหน้าที่จัดหายาเสพติดในประเทศไทยเพื่อส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้วิธีการให้ผู้หญิงซุกซ่อนยาเสพติดไว้ตามร่างกาย ซึ่งทำมาแล้วประมาณ 4 ครั้ง ดังนี้

ครั้งที่ 1 วันที่ 31 พ.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาคีตามีน 500 กรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ    ยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา

ครั้งที่ 2 วันที่ 10 มิ.ย.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยาคีตามีน 500 กรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ  ยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา

ครั้งที่ 3  วันที่ 17 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.1 กิโลกรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ  ยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา

ครั้งที่ 4  วันที่ 19 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.25 กิโลกรัม โดยให้การว่ารับ       ยาเสพติดที่พื้นที่พัทยา และสมุทรปราการ

ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การซัดทอดว่านายจินเป็นผู้บงการในการลักลอบขนยาเสพติด ซึ่ง ตม.จว.ชลบุรี จะได้ร่วมกับ ป.ป.ส. ในการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป สำหรับมูลค่าของยาเสพติดหากนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศเกาหลีใต้ได้จะมีมูลค่าสูงขึ้นมาก โดยยาไอซ์จะมีราคาจำหน่ายกิโลกรัมละประมาณ 13 ล้านบาท ส่วนคีตามีน กิโลกรัมละ 5,200,000 บาท

3. สตม. รวบแก๊งรัสเซีย นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธ ความเสียหายกว่าล้านบาท และ OVER STAY

    ตม.จว.ชลบุรี จับกุมนาย A (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย  พร้อมเงินสกุลยูโรปลอม ฉบับ 500 ยูโร จำนวน 6 ฉบับ ฉบับละ 50 ยูโร จำนวน 80 ฉบับ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด และทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นผู้นั้นกระทำผิดฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และ มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศสกุล (ยูโร) อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247 นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมโรงแรมในย่านพระตำหนักซอย 6 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี   

    ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพนักงานตู้รับแลกเงินว่า มีคนนำธนบัตรยูโรปลอมฉบับละ 500 ยูโร จำนวน      1 ฉบับ มาแลกเปลี่ยนที่ร้านรับแลกเงินของตน จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าได้มีชายไทยนำเงินสกุลยูโร ฉบับละ 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาทำการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาท เมื่อพนักงานผู้รับแลกเงินได้ตรวจสอบธนบัตร โดยใช้ปากกาเคมีสำหรับตรวจสอบธนบัตร พบว่าเป็นธนบัตรสกุลยูโรปลอม ตม.จว.ชลบุรี จึงสืบสวนติดตามตัวจนพบชายไทยที่นำธนบัตรยูโรปลอมมาแลกจากการสอบถามได้ให้การว่าเป็นพนักงานต้อนรับโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้มีนาย A (นามสมมุติ) สัญชาติรัสเซีย ซึ่งได้เข้าพักที่โรงแรมมาเป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์โดยยังไม่ได้ชำระเงินค่าที่พัก ได้นำธนบัตรยูโรฉบับละ 500 ยูโรฉบับดังกล่าว มาจ่ายค่าที่พักตนจึงได้นำไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินดังกล่าว โดยไม่ทราบว่าเงินสกุลยูโรดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม พร้อมทั้งยังได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจสอบ ไปยังห้องพักที่นาย A พักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนของโรงแรม จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางนาย A ปรากฏว่าการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจสอบกระเป๋าสีดำที่อยู่ในห้องพักของนาย A พบว่ามีเงินสกุลยูโรฉบับละ 500 ยูโร 5 ฉบับ และธนบัตรฉบับละ 50 ยูโร จำนวน 80 ซึ่งนาย A ให้การยอมรับว่าเงินสกุลยูโรจำนวนดังกล่าวทั้งหมดเป็นของตนและเป็นธนบัตรยูโรปลอม โดยตนได้นำติดตัวมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีเพื่อนที่ตุรกีให้นำติดตัวมาใช้จ่ายที่ประเทศไทย และตนเองได้นำเงินสกุลดังกล่าวมาจ่ายชำระค่าที่พักกับทางโรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนาย A ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว  

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด   ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.thจักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวอาชญากรรมวันนี้ #สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง