”รองฯเม่น“นำทีมแถลงผลงาน เร่งนโบาย ตร. รวบต่างชาติ 3 คดีรวด

150

”รองฯเม่น“นำทีมแถลงผลงาน เร่งนโบาย ตร. รวบต่างชาติ 3 คดีรวด

เมื่ือวันที่ 22 ส.ค. 2567 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.แถลงว่าตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์   รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม  ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์  จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1    บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

คดีที่ 1. รวบสองหนุ่มไต้หวันลักลอบส่งออกกัญชาข้ามชาติ และจำหน่ายกัญชาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในไทย
   กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติไต้หวัน จำนวน 2 ราย ดังนี้
   1. MR.LIN (นามสมมติ) อายุ 30 ปี โดยกล่าวหาว่า มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดประเภทที่ 5 (เห็ดขี้ควาย) โดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ที่ลานจอดรถคอนโด มิเนียมย่าน ถ.สี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรักกรุงเทพฯ
   2. MR.CHANG (นามสมมติ) อายุ 29 ปี โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายสถานที่จับกุม ลานจอดรถของคอนโดมิเนียมภายในซอยอินทามระ 45 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ

พฤติการณ์การจับกุม กก.4 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มคนไต้หวันจะทำการลักลอบนำเอากัญชาส่งออกไปยังไต้หวันเพื่อนำไปจำหน่าย โดยการส่งออกไปนั้นไม่ได้มีการขออนุญาตที่ถูกต้องและผิดกฎหมาย จึงได้ทำการสืบสวนทราบว่าขบวนการดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับร้านจำหน่ายกัญชาแห่งหนึ่ง (ปัจจุบันได้ปิดไปแล้ว) ซึ่งได้ขายกัญชาส่วนช่อดอกผ่านทางช่องทางออนไลน์และจะมีการส่งให้กับลูกค้า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้แก่ MR.CHANG และกลุ่มเพื่อน โดยMR.CHANG พักอาศัยอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง จึงได้ไปตรวจสอบจนกระทั่งพบMR.CHANG และได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง MR.CHANG แจ้งว่าหนังสือเดินทางของตนอยู่ที่ห้องพักของเพื่อนที่ย่านดินแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ให้ MR.CHANG พาไปเพื่อนำหนังสือเดินทางมาแสดง โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะเข้าไปที่ห้องพักได้มี MR.LIN สัญชาติไต้หวัน อายุ 30 ปี ได้วิ่งออกมาจากห้องพักดังกล่าวและพยายามวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเข้าควบคุมตัว จากการตรวจค้นตัวMR.LIN พบเห็ดขี้ควายบรรจุในซองสุญญากาศ น้ำหนักประมาณ 42 กรัม และพบหนังสือเดินทางของMR.CHANG และของชาวไต้หวันคนอื่นอีก 2 เล่มซึ่ง MR.LIN ยอมรับว่าบุคคลตามหนังสือเดินทางได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงให้ MR.LIN นำเข้าไปตรวจสอบในห้องพักที่ MR.LIN และ MR.CHANG พักอยู่เป็นประจำ ผลการตรวจสอบพบกัญชาที่เป็นส่วนของช่อดอก เครื่องชั่งน้ำหนัก ถุงสำหรับแบ่งขายและเครื่องซีนถุง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการจึงได้   ทำการตรวจยึดไว้ และจากการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า MR.CHANG การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงแล้ว(OVERSTAY ) ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุม MR.LIN และ MR.CHANG ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว และจากการประสานตรวจสอบกับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย รับแจ้งว่าMR.CHANG เป็นบุคคลที่มีประวัติทางคดีอาญาในข้อหานำเข้าและจำหน่ายกัญชาในไต้หวัน โดยมีพฤติการณ์ คือ MR.CHANG กับผู้ร่วมขบวนการอีกกว่าสิบคน ได้ทำการตั้งกลุ่มลับผ่านแอปพลิเคชัน เช่น Wechat, Line, Whatsapp, Telegram และนำกัญชาเข้าไปในไต้หวัน เพื่อจำหน่ายกัญชาให้กับคนในไต้หวันผ่านแอปพลิเคชัน ดังกล่าว

คดีที่ 2. รวบ3 จีนเทาผู้ร้ายข้ามแดนแปลงสัญชาติวานูอาตูหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติและเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาทกก.4 บก.สส.สตม. ร่วมกับกก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ ตม.จว.ชลบุรี จับกุมคนต่างด้าว จำนวน 3 คน ได้แก่ นายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 407/2567 ลงวันที่ 18 มิ.ย.2567 ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) (ออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน) นำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการตามกฎหมาย และจับกุมนางจาง (นามสมมติ) อายุ 46 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู และนายซู เจียง (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตูโดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรีสืบเนื่องจาก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ นำส่งคำร้องขอให้ทางการไทยจับกุมตัวชั่วคราวนายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน(คาสิโน) ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับชั่วคราวนายซู และได้ส่งหมายจับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้สืบสวนจับกุม

จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. พบข้อมูลว่านายซูได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแทนการใช้หนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ยังพบว่า นางจาง และนายซู เจียง ซึ่งเป็นเครือญาติของนายซูได้ถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วย จึงได้ประสานสอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสอบประวัติของนางจาง และนายซู เจียง รับแจ้งว่า บุคคลทั้งสองมีสัญชาติจีน โดยนางจาง มีประวัติกระทำผิดในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) ส่วนนายซู เจียง มีประวัติกระทำผิดในข้อหา เปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าทั้ง 3 คน มักจะมีพฤติการณ์ในการย้ายที่อยู่เพื่อให้ยากต่อการจับกุมตัว และหลังสุดได้ย้ายหลบหนีไปอยู่บ้านพักหรูภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 12 ต.หนองปรืออ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบคนต่างด้าวทั้ง 3 คน พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว และพบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหลายรายการ และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติของบุคคลทั้งสามและบุตร ซึ่งจากการสอบถามนายซู ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนจริง และจากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 3 คน ได้เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู โดยนางจาง และนายซู เจียง การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว จึงได้จับกุมทั้ง 3 คน ดังกล่าว

สำหรับพฤติการณ์กระทำความผิดของนายซู และนางจาง ได้ร่วมกันกับพวกจัดตั้งองค์กรชื่อ หญิงฟา ซึ่งจัดให้มีการเล่นคาสิโนออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์   มีบุคคลจำนวนเข้าเป็นสมาชิกในการเล่นการพนัน มีเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท โดยนายซู เป็นหัวหน้าแก๊ง   คอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกหลวงผู้อื่นทางระบบโทรคมนาคม โดยได้ทำการจัดตั้งระบบเว็บไซต์ และระบบ  ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบหลังบ้านของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 คดีที่ 3. สืบ ตม.บุกทลายคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้เช่าอาคารหรูตั้งฐานกลางกรุง กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้ จำนวน 8 คน ดังนี้
1. นายแจซุก (นามสมมติ) อายุ 26 ปี  

2.นายจุนฮี (นามสมมติ) อายุ 31 ปี

3. นายวูจิน (นามสมมติ) อายุ 27 ปี

4. นายเจ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี            

5. นายซางกี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี

6. นายซังฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี

7. นายฮุนจิน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี        

8. นายจุงฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี

  พฤติการณ์จับกุม กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้ได้มาเช่าห้องภายในอาคารหรู  ย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิทแขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นแก๊งการพนันออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้มาตรวจสอบพบว่าห้องที่มีชาวเกาหลีเข้า-ออก ประจำ อยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารดังกล่าว ประตูหน้าห้องติดอักษรภาษาอังกฤษคำว่า “CONTENT FACTORY. KOREA&THAI” จึงได้แสดงตัว          เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าภายในห้องดังกล่าวแบ่งออกเป็น  2 ห้อง โดยห้องแรกเป็นห้องเล็ก มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 8 ชุด ห้องใหญ่มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 12 ชุด แต่ละชุดมีจอคอมพิวเตอร์ 2 จอ มีนายแจซุก พร้อมกับพวกรวม 8 คน กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในลักษณะพูดคุยชักชวนเพื่อให้ร่วมลงทุนกับธนาคาร Hana Partners Investment ซึ่งเป็นธนาคารของเกาหลีใต้ผ่านหน้าเว็บไซต์ https://hanapartners.net/login ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริงแต่เมื่อเข้าไปดำเนินการตามขั้นตอนแล้วอาจจะสูญเสียเงินที่ลงทุนไป และพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 17 เครื่อง ไอแพด จำนวน 4 เครื่อง จากการสอบถามทั้ง 8 คน ให้การยอมรับว่ามีการจ้างให้มาทำงานในประเทศไทยโดยการทำงานในลักษณะการพูดคุยผ่านทางโซเชียลมีเดียในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อชักชวนลักษณะการเป็นตัวแทนเพื่อหาลูกค้าให้เข้ามาร่วมลงทุนผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการหาลูกค้าเข้ามาลงทุน โดยเบื้องต้น กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้จับกุมทั้ง 8 คน ดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม อาคารหรูย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนากรุงเทพฯ พร้อมตรวจยึดจอคอมพิวเตอร์ 40 จอ ซีพียู 20 เครื่อง โทรศัพท์มือจำนวน 17 เครื่อง และไอแพด จำนวน 4 เครื่อง ไว้เพื่อตรวจสอบและประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ ในการสืบสวนขยายผลการจับกุมต่อไป
 
 สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด   ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับและการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่

 จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#ข่าวอาชญากรรมวันนี้