ภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบร่วมขอบคุณ รอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปราบปรามผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า

3819

ภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบร่วมขอบคุณและมอบดอกไม้ให้กำลังใจ รอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปราบปรามผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเด็กไทยจากพิษภัยและอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า

วันนี้ (16 สิงหาคม 2567) เวลา 13.30 น. ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) นำโดย นพ. วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ อดีตนายกแพทยสมาคมโลก และ นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ ประกอบด้วย เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่, ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ, ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักปลัดกลาโหม, มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่, สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย, คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ตัวแทนเครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่และแกนนำเยาวชน Gen Z โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์และ โรงเรียนเซนต์ราฟาแอล เข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) , พล.ต.ต.นิพนธ์ บุญเกิด ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (ผบก.สอท.2) , พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.สอท. และ บก.ปคบ. เพื่อให้กำลังใจ และขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลการดำเนินการดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญในการตัดวงจรไม่ให้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่ระบาดไปยังนักเรียน นักศึกษา เป็นการป้องกันเยาวชนและนักสูบหน้าใหม่ ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวและตกเป็นทาสของบุหรี่ไฟฟ้า และเป็นการช่วยลดผู้ป่วยที่จะเกิดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอีกด้วย

นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัสนพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า รู้สึกขอบคุณและชื่นชม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และคณะทำงานเป็นอย่างยิ่ง ที่ดำเนินการจับกุมการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่และมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนเกิดการรับรู้และตื่นตัวในการดำเนินการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น และได้ฝากให้ทุกภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันสานพลังเพื่อปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า ตามที่ได้มีการประกาศปฏิญญาไว้ในเวทีประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 22 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เรียกร้องให้รัฐสภา ‘คงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า’ เพื่อคุ้มครองสุขภาพเด็ก และให้ความสำคัญกับอนาคตของชาติ มากกว่าผลกำไรและภาษี ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ จริงจัง เคร่งครัด และไม่เรียกรับผลประโยชน์ และจะเฝ้าระวัง เปิดโปงกลยุทธ์การตลาดของผู้ค้าบุหรี่ไฟฟ้าที่ทำการตลาดล่าเหยื่อมุ่งเป้าเยาวชน และกลยุทธ์การแทรกแซงนโยบายของเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านองค์กร บุคคล สื่อ ให้สังคมรับรู้ อีกทั้งจะร่วมมือกันส่งเสริมให้การไม่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นค่านิยมดูแลสุขภาพตนเองและผู้อื่น

ในโอกาสนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้ให้ข้อมูลกับภาคีเครือข่าย ให้ทราบถึงผลการปฏิบัติสำคัญในห้วงที่ผ่านมาว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดมาตรการปราบปราม ให้ทุกสถานีตำรวจสืบสวนจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะพื้นที่รอบโรงเรียน สถานศึกษา แหล่งท่องเที่ยว ห้างร้าน ตลาด หรือสถานที่สำคัญ และมอบหมายให้ บช.สอท. และ บก.ปคบ. สืบสวนจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์รายใหญ่ที่มีสถานที่เก็บหรือโกดังเก็บบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก หรือมีการกระทำความผิดในลักษณะเป็นเครือข่าย ขบวนการ เพื่อตัดวงจรการกระจายสินค้าไปยังร้านค้ารายย่อย โดยห้วงปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นมา สามารถจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ได้ถึง 11 ราย แต่ละรายมีโกดัง เก็บบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ ไว้รายละหลายหมื่นชิ้น รวมทั้งมีผลการจับกุมร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารอบโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศได้อีกจำนวนมาก รวมผลการจับกุมรายใหญ่ทั้งสิ้น 17 ราย รวมบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ รวมจำนวน 630,853 รายการ มูลค่าของกลางคิดเป็น 121,488,140 บาท

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิดตามกฎหมาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับช่องทางการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดนั้น พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เปิดช่องทางการรับแจ้งเบาะแสจากประชาชนที่พบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านสายด่วน 1599 โดยทุกสายที่มีการร้องเรียนมา จะสั่งการให้หน่วยที่รับผิดชอบลงไปตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายทุกราย พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจสอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบทุกกรณี

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์