“ดีอี” เตรียมชง กม.พิเศษ ปราบโจรออนไลน์ เร่งคืนเงินเหยื่อ เพิ่มโทษคนขายข้อมูล

321

วันที่ 12 สิงหาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทางเทคโนโลยี 7/2567 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งตนเป็นประธานกรรมการฯ มีคณะกรรมการประกอบไปด้วย นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี เป็นรองประธาน นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวง ดีอี เป็นเลขานุการ ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงาน ก.ล.ต. และ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มีมติให้แก้กฎหมายเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์รวมทั้งเร่งรัดคืนเงินผู้เสียหาย

โดยประเด็นแก้กฎหมายเร่งด่วน ได้แก่ การเร่งรัดคืนเงินให้ผู้เสียหาย โดยเฉพาะกรณีที่มีการระงับหรืออายัดบัญชีม้าที่มีเงินในธนาคาร มีมูลค่าหลายพันล้านบาท แต่ยังไม่สามารถคืนเงินผู้เสียหายได้ เนื่องจากการดำเนินคดียังไม่สิ้นสุด หรือ ยังติดขัดข้อกฎหมาย กฎระเบียบที่ล้าสมัย, การเพิ่มโทษการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล เพราะเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชน เศรษฐกิจ และสังคมในวงกว้าง จาก 1 ปี เป็น 5 ปี, การป้องกันการโอนเงินแบบผิดกฎหมายของคนร้ายโดยการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะที่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศที่ผิดกฏหมาย รวมถึงการโอนสินทรัพย์ดิจิทัล ระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคนร้ายหรือโจรออนไลน์ และ การระงับธุรกรรมต้องสงสัยในส่วนของการใช้ซิม หรือการสื่อสารต้องสงสัยเป็นการชั่วคราว

นายประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้หารือถึงการแก้กฎหมายในประเด็นอื่นที่เป็นปัญหาอุปสรรค ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระบวนการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับคดีออนไลน์ ที่จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มีมติ ให้ คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย รวบรวมประเด็นและจัดทำร่างกฎหมายพิเศษเพื่อเสนอคณะกรรมการฯ พร้อมเสนอคณะรัฐมนตรีใน 30 วัน และการป้องกันการโอนเงินแบบผิดกฎหมายของคนร้ายโดยการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะที่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศที่ผิดกฏหมาย

สำหรับ มาตรการและผลการดำเนินงาน ห้วงเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา มี  8 เรื่องที่สำคัญ ดังนี้ 1.การปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ (ข้อมูล ตร.) จำนวน 2,306 ราย ลดลงร้อยละ 7.57 เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 2,495 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม – มีนาคม 2567, การจับกุมคดีเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 980  ราย ลดลงร้อยละ 7.89  เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 1,064 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม – มีนาคม 2567, จับกุมคดีซิมม้า บัญชีม้า จำนวน 208 ราย ลดลงร้อยละ 13.33 เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 240 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม – มีนาคม 2567

ทั้งนี้ในเดือนกรกฎาคม ตำรวจจับกุมคดีสำคัญหลายคดี อาทิ จับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ 5 เครือข่าย ได้แก่  เว็บไซต์ “4dking.club” เว็บไซต์ “88lotto.club” เว็บไซต์ “mawin8s.com” เว็บไซต์ “huay-dd.com” เว็บไซต์ “viphuay88.com” ได้ตัวผู้กระทำความผิด 11 ราย พร้อมทั้งยึดทรัพย์ ได้เป็นจำนวน 360 ล้านบา, จับกุมเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 2 เว็บไซต์ ได้แก่ www.kingpigs1.com และ www.duckystars.com ซึ่งผู้เข้าเล่นรวมกว่า 5 หมื่นคน ได้ตัวผู้กระทำความผิด 4 ราย พร้อมทั้งยึดทรัพย์ ได้เป็นจำนวน 190 ล้านบาท, จับกุมขบวนการหลอกลงทุน TURTLE FARM  จำนวน 11 ราย พร้อมทั้งยึดทรัพย์ 116 ล้านบาท และทลายขบวนการหลอกแรงงานต่างด้าวมาเปิดบัญชีม้า โดยจับกุมนายหน้าได้ 1 ราย พบเงินหมุนเวียนกว่า 3 พันล้านบาท

รมว.ดีอีกล่าวว่า มีการปิดโซเชียลมีเดีย เว็บผิดกฎหมาย และเว็บพนัน ประกอบด้วยโซเชียลมีเดีย และเว็บผิดกฎหมายทุกประเภท 16,279 รายการ เพิ่มขึ้น  7.10 เท่า จากเดือน จาก กรกฎาคม 2566 ที่มีจำนวน 2,294 รายการ ปิดเว็บพนัน 6,519 รายการ เพิ่มขึ้น 67.21 เท่า จากเดือน กรกฎาคม 2566 ที่มีจำนวน 97 รายการ ขณะเดียวกันได้ระงับบัญชีม้าแล้วกว่า 920,694 บัญชี แบ่งเป็น ปปง. 451,188 บัญชี ธนาคารระงับเอง 300,000 บัญชี และ AOC ระงับ  169,506 บัญชี

นอกจากนี้มีการแก้ไขปัญหาซิมม้า และซิมที่ผูกกับ Mobile Banking โดยระงับหมายเลขโทรออกเกิน 100 ครั้ง/วัน แล้ว 71,122 หมายเลข มีผู้มายืนยันตัวตน 418 เลขหมาย ไม่มายืนยันตัวตน 70,704 เลขหมาย ส่วนกลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ดมากกว่า 100 ซิม ที่มีเลขหมายที่เข้าข่าย 5 ล้านเลขหมาย กสทช.ระงับซิมผู้ที่ไม่มายืนยันตัวตนแล้ว จำนวน 1 ล้านเลขหมาย ขณะที่กลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมายต่อค่ายมือถือ จำนวน 4 ล้านเลขหมาย กสทช.ระงับซิมผู้ที่ไม่มายืนยันตัวตนแล้ว จำนวน 1.9 ล้านเลขหมาย โดยมีการเข้มงวดในการเปิดใช้ ซิมใหม่ ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ กสทช.เพื่อป้องกัน การนำซิมไปใช้กระทำผิดกฎหมาย

นายประเสริฐกล่าวว่า กระทรวงดีอี เปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” เพื่อจัดการเรื่องเสาโทรคมนาคม สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสายโทรศัพท์ที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยสนับสนุนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนธิกำลังกับ กสทช. พร้อมผู้ให้บริการเครือข่าย AIS DTAC TRUE NT และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทำการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต เพื่อไม่ให้มิจฉาชีพแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ลักลอบใช้หลอกลวงประชาชนชาวไทยได้อีก

สำหรับยุทธการระเบิดสะพานโจรที่ผ่านมา อาทิ การกวาดล้างเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเถื่อน 4 จุด ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย พร้อมจับกุมผู้ต้องหา และยึดเครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อนที่ใช้ในการส่งสัญญาณข้ามแดน, ยึดเครื่องมือส่งสัญญาณ STARLINK 73 เครื่อง จากจันทบุรี ตาก และ กทม. ยึดซิมการ์ดต่างประเทศ 18,742 ชิ้น, ยึดอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ส่งสัญญาณจำนวนมากที่แม่สอด เป็นต้น

นอกจากนี้ยังแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ให้บริการโทรคมนาคมหรือ ISP 4 ราย และได้มีคำสั่งปรับพินัย ISP อีก 4 ราย รวมทั้งบูรณาการข้อมูลระหว่างศูนย์ AOC 1441 กับ thaipoliceonline สมาคมธนาคารไทย และ ปปง. ซึ่งจะทำให้ระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องและดำเนินการจัดการคดีได้รวมเร็วมากยิ่งขึ้น

“ในเรื่องการเร่งรัดกวาดล้างบัญชีม้าและซิมม้า พร้อมทั้งเร่งการอายัดบัญชีธนาคาร ตัดเส้นทางการเงิน การปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลอกลวงผิดกฎหมาย และเว็บพนันออนไลน์มีความคืบหน้าไปมาก อย่างไรก็ตาม การปราบปรามจับกุมให้ถึงต้อตอคนร้ายทั้งที่อยู่ในไทยและอยู่ในต่างประเทศยังไม่น่าพอใจ นอกจากนี้ จากการร่วมทำงานแก้ปัญหาที่ผ่านมา ยังพบปัญหาจากข้อกฎหมาย กฎระเบียบ โดยเฉพาะเรื่องการติดตามเงินและเร่งรัดการคืนเงินให้ผู้เสียหาย จึงจำเป็นต้องมีการออกกฎหมายพิเศษ ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นควรเร่งรัดจัดทำร่างกฎหมายให้พร้อมเสนอคณะรัฐมนตรีใน 30 วัน” นายประเสริฐ กล่าว

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #ประเสริฐจันทรรวงทอง #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์