ด่วน!! ก.พ.ค.ตร.มีมติเอกฉันท์ชี้คำสั่งให้”รองฯโจ๊ก”ออกจากราชการชอบด้วยกฎหมาย

4991

“ธวัชชัย “เผย ก.พ.ค.ตร.”มีคำวินิจฉัยด้วยเสียงเป็นเอกฉันท์ว่าคำสั่งให้ ”รองฯโจ๊ก“ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฏหมาย ส่งให้เจ้าตัวทราบแล้ว

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 นายธวัชชัย ไทยเขียว หนึ่งในคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. และรองโฆษก ก.พ.ค.ตร. โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ร้องทุกข์ของ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ว่า วานนี้ (5 ส.ค.) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ได้ประชุมพิจารณาวินิจฉัยคดีที่เป็นที่สนใจและมีคำวินิจฉัยเรื่องอุทธรณ์ของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หรือ สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) โดยได้ส่งคำวินิจฉัยไปให้ผู้อุทธรณ์และคู่กรณีในอุทธรณ์ทราบ ซึ่งปรากฎหลักฐานว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้รับคำวินิจฉัยแล้ว


พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้อุทธรณ์ว่าคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567 ที่สั่งให้ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ พิจารณาและวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และมีคำขออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากกรณีนี้เป็นที่สนใจของประชาชน มีการนำเสนอความเห็นผ่านสื่อสารมวลชนจำนวนมาก โดยมีความเห็นที่หลากหลายแตกต่างกันทั้งในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างกว้างขวาง


ก.พ.ค.ตร.ได้พิจารณาวินิจฉัยตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ และตามกฎ ก.พ.ค.ตร.ว่าด้วยอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ.2567 ซึ่งกำหนดให้ใช้วิธีการไต่สวนและได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนแล้ว
ข้อเท็จจริงตามอุทธรณ์ คำขอคุ้มครองชั่วคราว คำชี้แจงของผู้อุทธรณ์ คำแก้อุทธรณ์ของคู่กรณีในอุทธรณ์ คำชี้แจงและเอกสารที่เกี่ยวข้องของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย และการแถลงด้วยวาจาของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายรับฟังได้ว่า ผู้อุทธรณ์ได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา และถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง คู่กรณีในอุทธรณ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาผู้ออกคำสั่งอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 105 มาตรา 107 มาตรา 1331 และมาตรา 179 ประกอบกฎ ก.พ.ค.ตร. ว่าด้วยการทั้งสักรายการมธรรรรกจาการการไว้ก่อน พ.ศ.2567 ออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

วินิจฉัยว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567 เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่กฎหมาย และกฎ ก.ตร. กำหนด และเป็นการใช้ดุลยพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายวินิจฉัยยกอุทธรณ์และยกคำขอกำหนดวิธีการชั่วคราวของผู้อุทธรณ์

ทั้งนี้ หากผู้อุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด โดยวิธีการยื่นฟ้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลหรือยื่นฟ้องโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายในระยะเวลา 90 วันนับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยนี้

มีรายงานว่า ก.พ.ค.ตร.ได้วินิจฉัยด้วยเสียงเป็นเอกฉันท์ว่าคำสั่งให้ออกจากราชการใว้ก่อนชอบด้วยกฏหมาย

คลิกอ่านเฟซบุ๊คดังกล่าวที่นี่

https://www.facebook.com/share/2K76uNmJtrxd9ujz/?mibextid=WC7FNe

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ยังไม่ได้รับผลคำวินิจฉัย อยู่ระหว่างรอ และไม่ทราบว่า เมื่อวานนี้ ก.พ.ค.ตร. มีการประชุมลับจนถึงเกือบเที่ยงคืน พร้อมยืนยันหากผลออกมาเป็นลบ หรือคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย ก็จะยื่นศาลปกครองสูงสุดต่อภายใน 90 วัน

กรรมการสอบวินัยร้ายแรงนัดประชุมสัปดาห์ เตรียมออกหมายเรียก ‘รองฯโจ๊ก’ รับทราบข้อกล่าวหาทันที

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีรายงานข่าวว่าในช่วงสัปดาห์หน้า คณะกรรมการสอบสวนซึ่งมี พล.ต.อ. สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าคณะ กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำผิดวินัยร้ายแรง จะประชุมเพื่อกำหนดวันเรียกตัว พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พร้อมพวกมารับทราบข้อกล่าวหา หลังจากที่คณะกรรมการฯได้รวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเสร็จสิ้นแล้ว
สืบเนื่องจากกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ มีคำสั่งที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ กรณีต้องหาคดีอาญาในความผิดฐานสมคบ โดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ตามคดีอาญาที่ 391/2566 ของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูนและตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2566 จากการสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นว่ามีส่วนร่วมในการกระทำการในเรื่องที่ทำการสอบสวนนั้นด้วย ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2547 ข้อ 28 และจากรายงานของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ 593/2566 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2566 มีพฤติการณ์การกระทำ ดังนี้


เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2566, 8, 16 มกราคม 2567 และ 5 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ให้ดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNKMASTER รวม 22 คน
ในความผิดฐาน ‘ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 391/2566 โดยปรากฎว่า พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการเว็บพนันออนไลน์ใช้บัญชีของบุคคลอื่นในการบริหารจัดการเว็บไซต์ที่จัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ ด้วยการรับเงินเข้า-ออก จากผู้เข้าเล่นการพนัน รวมทั้งจ่ายสินพนัน และเก็บผลประโยชน์จาการเล่นพนันออนไลน์ และมีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของ พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ผ่านทางบัญชีธนาคารของ เบญจมิน แสงจันทร์ ซึ่งเป็นบัญชีที่ พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ครอบครองและใช้เป็นจำนวนหลายครั้ง เมื่อโอนเงินแล้วจะมีการส่งหลักฐานการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันไลน์ต่อกันไปให้กับณพรรษกรณ์ แหเกิด พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร และ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ทราบ


จากนั้นจะมีการโอนเงินจากบัญชีของเบญจมิน แสงจันทร์ เข้าบัญชีของ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว หรือ ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร แล้ว พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ สั่งการให้ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว หรือส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ให้นำเงินสดใส่ซองแล้วนำไปวางบนโต๊ะทำงานภายในบ้านพักของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และมีการรับโอนเงินสดมาจากหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารและเครื่องฝากเงินอัตโนมัติอีกจำนวนมาก และมีการโอนเงินจากบัญชีดังกล่าวออกไปยังบัญชีบุคคลอื่น


โดยศาลอาญาอนุมัติให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 4 ธันวาคม 2566 พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 12 มีนาคม 2567 ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 12 มีนาคม 2567 ส.ต.อณัฐนันท์ ชูจักร ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 12 มีนาคม 2567 และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 2 เมษายน 2567 เหตุเกิดระหว่างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 สถานที่เกิดเหตุทั่วราชอาณาจักร


ในส่วน พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ที่ถูกสอบสวนวินัยไว้ก่อนแล้ว ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 นั้น เป็นการดำเนินการไปภายในอำนาจตามข้อเท็จจริงในขณะนั้น แต่เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงในภายหลังว่า เป็นกรณีข้าราชการตำรวจตำแหน่งต่างกันและอยู่ต่างสังกัดกันถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงร่วมกัน ให้ผู้มีอำนาจสำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่มีตำแหน่งสูงกว่าหรือผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งการสำหรับผู้ถูกกล่าวหาทุกคนเป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน


อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 105 มาตรา 108 มาตรา 119 และมาตรา 179 ประกอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 108/2567 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน และคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 436/2548 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2548 เรื่องมอบอำนาจการดำเนินการทางวินัย การสั่งให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการ และกำหนดแนวทางปฏิบัติ จึงให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวอาชญากรรมวันนี้