อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร สั่งทำความเข้าใจและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและพืชอื่นๆ 
ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

213

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร สั่งทำความเข้าใจและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและพืชอื่นๆ 
ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

ตามที่จ.มหาสารคาม ได้เกิดฝนตกหนักในช่วงเดือนที่ผ่านมา ปริมาณตกหนักสูงสุด 125 มิลลิเมตร ประกอบกับความเสียหายของอ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ อ.บรบือ ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรประมาณ 18,199 ไร่ ได้รับผลกระทบ ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัด ตรวจสอบความเสียหาย การแจ้งสิทธิการขอรับการช่วยเหลือจากภาครัฐตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเร่งทำความเข้าใจกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จากการสำรวจพื้นที่ประสบภัยฯ ด้านพืชที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว 2 อำเภอ คือ อ.บรบือ และอ.วาปีปทุม มีพื้นที่คาดว่าจะเสียหายรวม 46,835 ไร่ แบ่งเป็น นาข้าว 45,662 ไร่ และมันสำปะหลัง 1,173 ไร่ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ฝนตกหนักในช่วงนี้ จ.มหาสารคามได้ประกาศเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ด้านพืชแล้ว 6 อำเภอ 
โดยมีพื้นที่คาดจะเสียหายรวม 151,137 ไร่ ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังบางส่วน มีความกังวลว่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิต จึงเร่งเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังออกจำหน่าย ทำให้ราคาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตรจึงสั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัด ประเมินสถานการณ์และบริหารความคาดหวัง  พบว่า มันสำปะหลัง เป็นพืชที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 65 
มักจะปลูกช่วงต้นฤดูฝน (ม.ค.-พ.ค.) และประมาณร้อยละ 20 ปลูกในช่วงปลายฤดูฝน
หรือในฤดูแล้ง (พ.ย.-ก.พ.) ส่วนที่เหลือจะปลูกในช่วงเดือน มิ.ย.- ต.ค.

โดยเกษตรกรในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงพ.ย. – มี.ค. ซึ่งปริมาณแป้งในหัวมันสำปะหลังของทุกพันธุ์จะมีปริมาณแป้งสูงสุด ส่วนการเก็บเกี่ยวช่วง เม.ย. – ต.ค.ปริมาณแป้งในหัวมันจะลดลงเรื่อย ๆ หากเกษตรเก็บเกี่ยวในช่วงนี้ จะทำให้ได้ราคาน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ เนื่องจากไม่เป็นไปตามมาตรฐานการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อ หัวมันสำปะหลังสดตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งของกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบและบริหารความคาดหวังของเกษตรกร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรจึงสั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัด สำรวจ ประเมิน พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติดังกล่าว 
ว่าจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตอย่างไร หากพื้นที่ใดได้รับผลกระทบ ให้เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจ 
และดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ส่วนพื้นที่ใดไม่ได้รับความเสียหายถึงระดับเศรษฐกิจ ให้ดูแลบำรุงรักษาผลผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้
หัวมันสำปะหลังเกิดการสะสมแป้งที่สมบูรณ์  และขายได้ราคาตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด.

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์