บช.น. ร่วมกับ ปปส.กทม. และ กทม. เปิดยุทธการเด็ดปีกฯ พื้นที่ บก.น.2 (โซนกรุงเทพกลาง และกรุงเทพเหนือ)
เร่งตามจับกุมนักค้ายาเสพติด 52 เครือข่าย
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เวลา 06.00 น. พลตำรวจตรี ทินกร รังมาตย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล,ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน, ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล 11 แห่ง ในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 2, นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร, นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย, นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ปปส.กทม. และ นางสาวภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจัตุจักร ร่วมปล่อยแถวในยุทธการ “ปฏิบัติการเด็ดปีกนักค้า รักษาผู้เสพ สร้างชุมชนปลอดภัยยาเสพติด ครั้งที่ 7/2567” ภายใต้แผนปฏิบัติการ เร่งรัดการดำเนินงานป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน 3 เดือน (มิถุนายน-สิงหาคม 2567) ณ ลานกิจกรรมย่านถนนรามอินทรา แขวง/เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร กำลังปฏิบัติการที่เข้าร่วมในยุทธการฯ นี้ มาจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ สถานีตำรวจนครบาล 11 แห่ง ในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 สำนักงาน ปปส.กทม. และสำนักอนามัย รวมทั้งสิ้น 300 นาย
พลตำรวจตรี ทินกร รังมาตย์ กล่าวในพิธีปล่อยแถวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระของชาติ และรัฐบาลได้เปิดแผนปฏิบัติการฯ ระยะเร่งด่วน 3 เดือน กำหนดพื้นที่สีแดงจำนวน 25 จังหวัด รวมกรุงเทพมหานคร ภายใต้การอำนวยการของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.)กรุงเทพมหานคร ที่มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็น ผอ.ศูนย์ฯ การดำเนินงานในช่วง 2 เดือนนี้ มีผลจับกุมคดียาเสพติดทั้งกรุงเทพฯ ประมาณ 2,881 คดี ผู้ต้องหา 2,966 คน ยึดทรัพย์สินมูลค่าไปแล้วประมาณ 44 ล้านบาท
“ช่วงโค้งสุดท้ายของแผนปฏิบัติการฯ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ท่านได้กำชับให้ตำรวจ สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งปราบปรามและแก้ไขปัญหาให้ลดความรุนแรงลง เรื่องใดที่ประชาชนร้องเรียน แจ้งเบาะแสเข้ามา ให้เร่งตรวจสอบแก้ไขทันที เพื่อสร้างความปลอดภัยและเชื่อมั่นต่อภาครัฐ”
สำหรับยุทธการเด็ดปีกฯ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 บช.น.และ ปปส.กทม. ปรับแผนมามุ่งเน้นนักค้าระดับตัวการที่มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดข้ามเขต ข้ามโซน และ ข้ามจังหวัด รวมทั้งรายย่อยที่ประชาชนร้องเรียนผ่านทุกช่องทาง เพื่อตัดวงจรยาเสพติดออกจากชุมชน ซึ่งโซนพื้นที่กรุงเทพกลาง และกรุงเทพเหนือ ในความรับผิดชอบของ บก.น.2 มีเป้าหมาย 52 เครือข่าย เคลื่อนไหวอยู่ใน 12 เขต และเมื่อเวลา 10.10 น. ได้รับรายงานผลจับกุมจำนวน 32 คดี
ผู้ต้องหา 35 คน แบ่งเป็นข้อหาร้ายแรง หรือข้อหาจำหน่ายและข้อหาครอบครอง รวมจำนวน 13 คดี ผู้ต้องหา 15 คน ส่วนข้อหาเสพ และครอบครองเพื่อเสพ รวม 7 คดี ผู้ต้องหา 9 คน ส่วนผู้เสพส่งบำบัดในระบบสมัครใจ 12 ราย
จากนั้น ชุดปฏิบัติการยาเสพติด ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักอนามัย นำผู้เสพทั้ง 12 ราย มายังชุมชนประชาร่วมใจ 1 (หลังวัดเสมียนนารี) แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ซึ่งจัดตั้งสถานีหรือหน่วยคัดกรองเคลื่อนที่ ประเมินอาการ จนถึงสถานีการให้บริการด้านสุขภาพ การจัดหางานและ ทุนประกอบอาชีพ ในการนี้ นายสุนทร สุนทรชาติ ผอ.สำนักอนามัย พร้อมด้วย คณะผู้บริหารนำสื่อมวลชน รับทราบขั้นตอนของหน่วยคัดกรอง ซึ่งประเมินและปฏิบัติในฐานะผู้ป่วยและส่งต่อสถานพยาบาลตามระดับอาการ โดยหากเป็นผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวช จะถูกส่งไปรักษาที่ รพ.สังกัดกรมสุขภาพจิต และทุกรายหากผ่านขั้นตอนการรักษา จะเข้าสู่ขั้นตอนฟื้นฟูและติดตามช่วยเหลือในด้านสวัสดิการและการส่งเสริมอาชีพ
ผู้บริหารของสำนักอนามัย และ ปปส.กทม. ยังกล่าวให้กำลังใจผู้ป่วยจิตเวช และผู้เสพยาเสพติดในการเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวมถึงยังได้ร่วมพูดคุยกับครอบครัว คนรอบข้าง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญในการได้รับกำลังใจจากคนรอบตัวและการให้โอกาสจากชุมชนจะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญให้ผู้ป่วยจากการเสพยาเสพติดต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง และหลุดพ้นจากวงจรยาเสพติด รวมถึงได้เยี่ยมชมบูธบริการประชาชนและให้ความรู้จากหน่วยงานภาคีต่าง ๆ อาทิ บริการย้ายสิทธิรักษาพยาบาล ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารออมสิน การให้คำปรึกษาและออกบัตรผู้พิการของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตลอดจนแนะนำอาชีพและจัดหางาน จากกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโทษและพิษภัยของยาเสพติด จากสำนักงาน ปปส.กทม. และบูธนิทรรศการให้ความรู้ถึงพิษภัย บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และสารเสพติดอื่น ๆ จากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และได้มอบทุนประกอบอาชีพแก่ผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด จำนวน 2 ราย ซึ่งจะนำเงินทุนที่ได้ไปประกอบอาชีพขายของเก่า และเพาะเห็ดจำหน่าย
#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#ยุทธการเด็ดปีกนักค้ายาเสพติด#ข่าวอาชญากรรมวันนี้