“ผบ.ต่อ”คืนรัง-อยากเห็นลุยปราบยา-โชว์เหนือรัฐบาล เป็นโบว์แดงให้”ชาวบ้าน-ตร.”จดจำ

187


      พลันที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)คืนรัง หลังมีคำสั่งไปช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล ถูกสังคมจับตามองเป็นพิเศษเพราะมีการปูดข่าวจากทนายความบางคนว่าเมื่อกลับเข้ารับตำแหน่งแล้วจะยื่นในลาออก เพื่อศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ

      แต่ดูเหมือนว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่ได้ขานรับแถมมีท่าทีนิ่งเฉยพร้อมกับบอกว่าจะสานต่อนโยบายที่เคยให้ไว้เมื่อครั้งรับตำแหน่งใหม่ๆ ส่วนคดีความต่างๆปล่อยไปตามกฎหมาย เสมือนส่งสัญญาณว่าจะอยู่บนบัลลังก์เจ้าสำนักปทุมวันจนเกษียณอายุ หากนับเวลาแล้วจะเหลือประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สามารถที่จะสร้างผลงานให้ตำรวจและประชาชนได้จดจำและเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติได้  โดยเฉพาะนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่เป็นหนามตำใจชาวบ้านทั่วประเทศ เพราะรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ไม่มีน้ำยาพอที่จะจัดการได้

    ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ”หนองบัวลำภูโมเดล”ที่รัฐบาลผลักดันช่วงประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจรครั้งแรก แต่ล่มไม่เป็นท่า เพราะถ้าบรรลุเป้าหมายจริง นายเศรษฐา คงไม่บอกระหว่างไปประชุมครม.สัญจรที่นครราชสีมาว่าให้ยึดร้อยเอ็ดเป็นต้นแบบในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและต้องให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 90 วัน โดยไม่ได้เอ่ยถึงหนองบัวลำภูโมเดล แม้แต่น้อย

    ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ขานรับทันทีด้วยการเดินทางไปประชุมที่ สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด มี พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4 )ร่วมประชุมด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกว่ามาติดตามการปฏิบัติ”ธวัชชัยบุรี โมเดล” ใช้กลยุทธ์”ปลุก เปลี่ยน ปราบ”เป็นแนวทางการแก้ปัญหาและลดความรุนแรง ของปัญหายาเสพติดในระยะ 1 ปี  โดย”ปลุก” คือปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง “เปลี่ยน”คือเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย นำเข้าสู่ระบบบำบัด “ปราบ”คือปราบปรามนักค้ายาเสพติด ใช้มาตรการอายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรยาเสพติด

     เมื่อมองถึงข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ถือเป็นจังหวะดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในการกอบกู้เครดิตที่ถูกลดทอนด้วยการขับเคลื่อนนโยบายป้องกันและและปราบปรามยาเสพติดแบบเต็มสูบซึ่งทำได้ไม่ยาก เพราะก่อนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะถูกคำสั่งไปช่วยราชการฯได้เดินสายวางแนวทางปฏิบัติให้กับ บช.ภ.1-9 กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไประดับหนึ่งแล้ว  โดยเฉพาะ บช.ภ.4 ที่ พล.ต.ท.สรายุทธ ขานรับและขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ สั่งการตำรวจในบช.ภ.4 เอ็กซเรย์พื้นที่ลุยปราบปรามมีการจับกุมได้ผู้ต้องหาและของกลางยาเสพติดจำนวนมากสร้าง”ธวัชชัยบุรี โมเดล”

    จากเวลาที่เหลืออยู่ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ลองลุยงานนี้แบบถึงลูกถึงคน สั่งการ ผบช. ผู้บังคับการทุกจังหวัด หัวหน้าโรงพักทุกแห่งทั่วประเทศ เร่งปราบปรามยาเสพติดแบบเด็ดขาด ตัดวงจรผู้ค้าให้ลดลงหรือหมดไป ด้วยการตั้งไทม์ไลน์ว่าต้องเห็นผลภายใน 15 วัน หรือ 1 เดือน จากนั้นขึ้นบัญชีโรงพักที่มีผลงานดีเด่นประกาศให้สังคมรับทราบเพื่อการันตีว่าถึงวาระแต่งตั้งตำรวจที่มีผลงานโดดเด่นต้องได้รับการตอบแทน ขณะเดียวกันจัดการกับตำรวจนอกแถวแบบเด็ดขาดทั้งให้ออกแล้วดำเนินคดี

  ถ้าถาม”ประดู่แดง”ว่าเป็นงานยากหรือไม่ คงตอบว่าไม่เกินความสามารถของตำรวจไทย เพราะทุกตารางนิ้วในประเทศล้วนอยู่ในสายตาของตำรวจเกือบทุกหน่วยที่คุมพื้นที่อยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาผู้นำหน่วยส่วนใหญ่มักจะใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือแสวงประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องมากกว่า

  ดังนั้นถ้า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อยากกู้ศักดิ์ศรีและลบคำปรามาสว่าไร้ภาวะนำ ก้าวหน้าด้วยการยกเว้นกฎกติกา ลองใช้เวลา 2 เดือนกว่าๆ ลุยงานยาเสพติดด้วยการจัดการผู้ค้าแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนชาวบ้านทุกชุมชนสัมผัสได้ว่ายาเสพติดลดลงจริงๆ จากนั้นให้ตำรวจเก็บข้อมูลผู้เสพส่งต่อให้รัฐบาลสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผู้เสพเข้าสู่การบำบัด ถ้าทำได้จริงจะกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงแบบโชว์เหนือกว่ารัฐบาลแน่นอน และชาวบ้านจะกล่าวขานสรรเสริญแบบไม่รู้จบ เพราะทุกครอบครัวที่ลูกหลานตกเป็นทาสยาเสพติดจะอยู่แบบทนทุกข์เหมือนตกนรกไปด้วยกัน  แถมจะหวนระลึกถึงทุกครั้งเมื่อยาเสพติดกลับมาแพร่ระบาดว่าถ้า”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล”ยังอยู่แก๊งค้ายาเสพติดไม่มีโอกาสผงาดแน่นอน

     หากไม่เชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ลองลุยดู ถ้าบรรลุเป้าหมายรับรองว่าวันที่ก้าวลงจากเจ้าสำนักปทุมวันจะมีแต่เสียงสรรเสริญจากมวลชนทั่วประเทศ ซึ่งจะมาพร้อมกับรอยยิ้มและช่อดอกไม้ !!!