”รองฯเต่า”ปลื้ม ช่วง 4-5 เดือน”ตร.มีความสุขในการทำงาน”เสมือนตัววัดภาวะผู้นำ”รองฯต่าย”

204



ในช่วง1-2 เดือนนี้พื้นที่ข่าวของสื่อทุกชนิดต่างให้ความสำคัญนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข่าวความขัดแย้งระหว่างสองนายพลสีกากีที่ลุกลามไปเกี่ยวข้องกับเกือบทุกหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงทำเนียบรัฐบาล


     แต่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสองบิ๊กตำรวจกลับปรากฏข่าวว่าตำรวจมีความสุขในการทำงานมากขึ้น  ถ้ามองในความเป็นจริงประเด็นลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะหัวเป็นแค่รักษาการ แต่ถ้าย้อนดูถึงนายตำรวจที่ออกมาพูดมีเครดิตพอที่จะทำให้สังคมเข้าใจได้ว่าตำรวจมีความสุขจริง เพราะนายตำรวจคนนั้นคือ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(รองผบช.ก.)ที่สังคมค่อยข้างให้ความมั่นใจในการทำงานแบบตรงไปตรงมา โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์หลังตอบประเด็นถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทเสร็จสิ้นแล้วว่า

”องค์กรตำรวจของเราสร้างกันมานาน ต่างเจออุปสรรคต่างๆนานา แต่ผ่านกันมาได้ ระยะ 4-5 เดือนที่ผ่านมาตำรวจมีความสุขในการทำงานเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าไม่มีคนจ้องหักหาญทำลายกัน และทำงานเป็นอิสระมากขึ้น…..”

      เป็นความเห็นที่บ่งบอกได้ว่าในสถานการณ์ที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)รักษาราชการแทนผบ.ตร. นั้นหน้างานทุกหน้าขับเคลื่อนแบบลื่นไหล พอที่จะเป็นดัชนีชี้วัดถึงภาวะการเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี แม้จะนั่งในตำแหน่งรักษาการฯ ซึ่งเป็นการสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า หากสำนักปทุมวันมีผู้นำที่เติบโตในหน้าที่การงานแบบยึดกฎ กติกา  ก้าวตามจังหวะที่กฎหมายตำรวจกำหนด ที่ทำให้รับรู้ว่าแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญต่องานของตำรวจแค่ไหน ผลที่ตามมาคือทำให้เข้าอกเข้าใจการงานของผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี  จะแตกต่างกับบรรดานายตำรวจที่โตแบบบ่มแก๊ส เป็นเจ้าแห่งการยกเว้น พอผงาดเป็นผู้นำจะล้มเหลวแบบไม่เป็นท่า

         ยิ่งได้ติดตามบทบาทของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ หลังได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าสำนักปทุมวันชั่วคราว จะพบว่าขับเคลื่อนงานแต่ละก้าวล้วนมากด้วยความมั่นใจและยืนอยู่บนหลักการที่ผู้ใต้บังคับบัญชาพร้อมสนองงานอย่างเต็มที่เพราะเพียงไม่กี่วันที่นั่งรักษาการฯ นโยบายที่นายกรัฐมนตรีกำชับให้ปราบปรามอย่างเร่งด่วนไม่ว่าจะเป็นปราบพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด และอาชญากรรมด้านอื่น มีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง อาทิ จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ใน อ.ฉวางจ.นครศรีธรรมราช จับกุมชาวต่างชาติ 51 คน ชาวไทย 12 คน รวม 63 คน ยึดของกลางจำนวนมาก หรือจับเจ้ามือหวยออนไลน์รายใหญ่ พื้นที่สมุทรปราการ มีเงินหมุนเวียน 13,400,000 บาท มีเครือข่ายทั่วประเทศ 200 คน หรือช่วงวันที่  1- 10 เมษายน จับกุมคดีอาชญากรรมได้จำนวนมาก อาทิ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจับกุมผู้ต้องหาได้ 15,963 คน ยึดยาบ้า 63,204,884 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 5,245,51 กิโลกรัม เฮโรอีน 22,346 กิโลกรัม และยาอี 1,702 เม็ดเป็นต้น นี่คือผลงานเพียงบางส่วนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กำชับให้ตำรวจทั่วประเทศเร่งดำเนินการ

     ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ใช้กลยุทธ์เชิงบริหารกระตุ้นให้ตำรวจมีความรู้สึกว่าหากมีผลงานจะมีโอกาสผงาดในตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยใช้แนวทางขายฝันกับตำรวจช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า”เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะใช้บทบาทหน้าที่การเป็นตำรวจในการดูแลประชาชน สร้างภาพลักษณ์ที่ก้าวไปสู่การเป็นตำรวจอาชีพ ผมมีความฝันอยากขายให้กับพวกท่าน โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อฝันของผม  เชื่อว่าฝันของผมไม่ต่างจากฝันของท่าน ที่อยากให้ตำรวจเป็นตำรวจที่ดี เป็นตำรวจที่ประชาชนยอมรับ อยากเชิญชวนพวกเราทุกคนช่วยกันก้าวละเล็กก้าวละน้อยเพื่อที่จะเป็นตำรวจที่ดีของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่คือความฝันของผม ท่านซื้อหาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ใช้กำลังแรงกำลังใจ ความเสียสละทุ่มเท ความอดทนของทุกท่าน  สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของพวกท่าน จะสะท้อนไปยังองค์กรของเราคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีที่ยืนอย่างมีศักดิ์ศรีและมีเกียรติภูมิ…” ปรากฏว่าตำรวจขานรับแห่ซื้อฝันของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กันล้นหลาม ผลงานช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นสิ่งยืนยันได้ดีที่สุด

       ที่ยกประเด็นช่วง4-5 เดือนตำรวจมีความสุขในการทำงานมากขึ้น กับบทบาทในฐานะเบอร์ 1 เจ้าสำนักปทุมวัน(แบบชั่วคราว)ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เพื่อสื่อถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าถ้ามีการแต่งตั้ง ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ผบ.ตร. ยันผู้กำกับการ(ผกก.) ควรพิจารณาและศึกษาถึงเส้นทางการเติบโตในหน้าที่การงานให้ลึกซึ้งว่ามีประสบการณ์แต่ละตำแหน่งมากแค่ไหนแล้วค่อยดำเนินการแต่งตั้ง หากละเลยยึดแต่ตั๋วยึดแต่ใบสั่งแล้วเลือกประเภทโตแบบบ่มแก๊ส มีตัวอย่างแห่งความหายนะให้เห็นมาแล้ว หรือตัวอย่างที่เลือก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นั่งรักษาการ ผบ.ตร.แบบชั่วคราว ปรากฏให้เห็นว่างานตำรวจขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี แถมมีการการันตีว่าเป็นช่วงที่ตำรวจทำงานแล้วมีความสุขขึ้นอีกต่างหาก

    ดังนั้นการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนตุลาคมตามกฎ ก.ตร.ฉบับใหม่ นายกรัฐมนตรีจะยึดแนวทางแบบไหนคงต้องติดตาม !!!