ที่ประเทศนี้ไม่มีอนาคตเพราะ?

349

ประเทศนี้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองมาแล้วกำลังจะเข้าสู่ปีที่92 ประชาธิปไตยในประเทศล้มลุกคลุกคลาน ถ้าเทียบเป็นระดับชั้นยังไม่ทันได้จบปริญญา ก็มีคนพาไปเริ่มนับหนึ่งใหม่หลายครั้งหลายหน จนเหมือนคนที่ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย

จากข้อมูลพบว่าประเทศไทยไร้เสถียรภาพทางการเมืองสูงและมีรัฐประหาร13หน(ที่สำเร็จ) จนกล่าวได้ว่าประเทศไทยมีรัฐประหารมากที่สุดในโลก!  ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นเรามีทหารหรืออดีตทหารเป็นผู้นำ-นายกรัฐมนตรีในประเทศไทยกินเวลานานกว่า 63 ปี เรามีคนอ้างว่าจะมาทำเพื่อบ้านเมือง แต่ลองไปตรวจสอบทรัพย์สิน คนรอบข้าง การรับงาน(รัฐ)และการเอื้อประโยชน์กันให้ดี ๆ เถิด จะเห็นได้เองว่าน่าสนใจอย่างไร นี่ยังไม่รวมถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดูเหมือนกระจุกยู่ในกลุ่มคนไม่กี่กลุ่ม

มิหนำซ้ำทุกวงการที่เกี่ยวกับอนาคตประเทศมีแต่ “ข่าวอิหยังวะ” มาตลอด ครู ที่มีข่าวฉาว องค์กรศาสนาที่ยิ่งนับวันคนเอือมและเสื่อมศรัทธาเรื่อย ๆ ข้าราชการเช้าชามเย็นชามยังมีให้เห็น ทหาร ที่หักหัวคิวกินค่าไวไฟ สารพัดค่าหากินกับพลทหารและกดขี่ข่มเหงใช้กำลังยังคงดำรงอยู่ ตำรวจไม่ต้องพูดถึง…. นักการเมืองเองก็พึ่งพาไม่ได้ ประชาชนหลายคนก็หมดสิ้นความมีภราดรภาพ โอบอ้อมอารีมิตรไมตรียากจะเห็น ที่กล่าวมาทั้งหมดฟังดูเหมือน สิ้นหวังทุกทาง แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นมีกลุ่มคนไม่กี่คนที่ยังอยู่ได้สบายมาก ๆ กับระบบและสังคมแบบนี้ แบบที่พวกเขาต้องการให้เป็น

มีคำกล่าวหนึ่งที่จำฝังใจตั้งแต่วัยเยาว์ คือ สิ่งที่ย้อนคืนกลับมาไม่ได้คือ คำพูด และ กาลเวลา แต่ทว่าในสังคมเมืองไทย กลับกลายว่ามีคนอยากหมุนย้อนนาฬิกา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าวันเวลามันย้อนไม่ได้!

ทหารและกลุ่มคนที่เคยมั่งมีจากความที่ประเทศไร้เสถียรภาพทางการเมืองยังมีอยู่ คน และ กลุ่มคนที่ไม่ตื่นรู้ตื่นตัว และน่ากลัวไปกว่านั้นคือการเรียกร้องรัฐประหาร มันผ่านหูเรื่อย ๆ ทุกวัน กระทั่งการเรียกร้องผู้นำที่มาจากนอกระบบ ตกลงแล้วประเทศนี้มีอะไรที่ผิดปกติแน่ ๆ ! ถึงมีคนยอมแลกระบบที่ถูกต้องระบบที่ทั้งโลกก็คิดอ่านในการเคารพหลักการซึ่งกันและกัน

พวกเราเกิดมาอยู่ในยุคที่มนุษย์(โลก)มีวิทยาการอยากจะไปนอกอวกาศให้ไกลที่สุด ศึกษาอนาคต ทางรอด เพื่อมวลมนุษยชาติ แต่น่าประหลาดที่ใจที่ในบางประเทศมีมนุษย์ที่ต้องการหยุดสังคมให้อยู่ใต้น้ำมือพวกเขาและไม่ให้ไปไกลกว่ากะลา-กรอบในสิ่งที่เขาคิด

ถ้าประเทศนี้จะเจริญด้วยน้ำมือทหารและผลพวงจากการรัฐประหารจริง ๆ ป่านนี้เราที่รัฐประหารบ่อยสุดในโลก เราต้องเป็นมหาอำนาจ หรือ อย่างน้อยที่สุดผู้นำในภูมิภาคนี้ เราต้องมีสเน่ห์ มีอนาคตที่คนทั้งโลกมองเห็น เหมือนการเคยเป็นเสือตัวที่ห้าของทวีป วันนี้อย่าว่าแต่เสือตัวที่ห้า เราเป็นอะไรยังไม่รู้เลย ไทยเคยเนื้อหอม เราเคยเป็นผู้นำในอาเซียน เคยเป็นที่ที่หลายชาติอยากลงทุน หมายปอง วันนี้สิ่งที่เห็นคือการถอนโรงงาน ย้ายฐานการผลิต เศรษฐกิจในประเทศก็ซบเซาในภาพรวม ๆ

นอกจากทหารแล้ว ยังมีนักการเมืองแก่ ๆ บางคนยังคิดว่าตัวเองผูกขาดอำนาจ คิดว่าครอบครัวตัวเองทำถูกทำดีที่สุด (แม้ประชาชนไม่ได้เลือกมามากที่สุด)  ยังอยากหมุนเวลาไปในช่วงที่ตัวเองได้รับความนิยม โดยไม่สนใจอะไร แม้จะอ้างไม่สบายแต่เดินสายยิ่งกว่านักร้องทัวร์คอนสิร์ต คิดว่าจะทำอะไรก็ได้ ประกอบกับสภาพทั้งหมดที่ร่ายมา ถ้าวันหนึ่งจะมีรัฐประหารอีกจากคนที่จูบปากสลายขั้วกันมาแล้ว คนที่รับเคราะห์รับกรรมกันไป ก็กลายเป็นประชาชนที่คนเหล่านี้ไม่เห็นหัวเลยด้วยซ้ำ