”แบงค์ชาติ-รัฐบาล”ฟัดกันนัว ชาวบ้านต้องทนรับกรรม-รับภาระหนี้บาน-รายได้หด-ดอกเบี้ยโหด

470

 
       ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสขับรถล่องใต้ไปกับเพื่อนวัยเดียวกัน 5 คน ระหว่างทางแวะไปเรื่อยกว่าจะถึงเป้าหมายใช้เวลา 2 วัน


         เป้าหมายแรกแวะที่ อ.ละแม จ.ชุมพร พักบ้านญาติ เพื่อนร่วมทางนิยมปรุงอาหารกินกันเอง จะจับจ่ายวัตถุดิบในตลาดบ้าง แวะซื้อข้างทางบ้าง บรรยากาศในตลาดและข้างทางเงียบเหงา ถามแม่ค้าว่าขายดีไหม ได้รับคำตอบว่าประคองไม่ให้ขาดทุนก็บุญแล้ว อย่าถามหากำไรเลยเพราะแทบจะไม่มี ญาติที่พวกเรานอนพัก บอกว่าช่วงนี้อาการร้อนมาก ชาวละแม ประกอบอาชีพสวนผลไม้ สวนยางพารา เป็นหลักผลผลิตนำออกขายได้น้อย ทุเรียน ที่เคยสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เจอภัยแล้งผลผลิตออกไม่ตรงตามฤดูกาล บางต้นยืนตาย และบางสวนขาดน้ำ ต้องควักเงินเก็บสะสมไว้ออกมาดูแล บางคนไม่มีทุนต้องไปกู้ยืมเพื่อนำมาใช้จ่ายบำรุงพืชสวน ต้องอยู่กันอย่างประหยัด ทุกคนล้วนต้องพึ่งตัวเอง เพราะหน่วยงานรัฐยื่นมือเข้ามาช่วยน้อยมาก บางหน่วยบอกว่าไร้งบประมาณ

    จากละแม มุ่งสู่ หาดใหญ่ และเมือง สงขลา มีโอกาสได้พบปะเพื่อนฝูงที่ทำธุรกิจทั้งร้านอาหาร สถานบันเทิง และธุรกิจขายสินค้าอุปโภคบริโภค บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเงียบสงบร้านอาหารพอจะมีรายได้บ้างช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ ความเงียบเข้าครอบงำ บางร้านต้องเลิกจ้างพนักงานเสิร์ฟ เจ้าของทำหน้าที่เสิร์ฟแทนเพื่อลดรายจ่าย


    เพื่อนที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค ประเภทข้าวสารอาหารแห้ง บ่นอุบว่าขายไม่ค่อยได้ จะมีขายดีช่วงที่เงินแรงงานต่างด้าวออก เพราะจะซื้อครั้งละจำนวนมาก อย่างแรงงานพม่าจะซื้อข้าวสารแบบยกกระสอบ 50 กิโลกรัม ต่างจากคนแรงงานไทยจะซื้อครั้งละ 1 กิโลกรัม แถมพอค่าแรงออกจะหยุดอย่างน้อย 2-3 วัน บางคนหยุดเพื่อเสพยา เพราะหาซื้อได้ราคาถูก

     ระหว่างเดินดูสินค้าในพื้นที่หาดใหญ่ เมืองธุรกิจสำคัญของภาคใต้ ดูเงียบสงบ ร้านค้ามีแต่คนเฝ้ามากกว่าคนซื้อ เจ้าของธุรกิจบอกว่าจะคึกคักช่วงวันศุกร์ เสาร์ ที่ชาวมาเลย์เข้ามาท่องเที่ยว แต่จะคึกคักเป็นพิเศษในสถานบันเทิงที่เปิดแบบเฉพาะ มีทั้งพี้ยาและหญิงบริการ

   เมื่อจะกลับที่พักใช้บริการจักรยานยนต์รับจ้าง ระหว่างเจราจาราคาอดไม่ได้ที่จะถามถึง ผลประกอบการในแต่ละวัน ต่างบอกตรงกันว่าชักหน้าไปถึงหลัง แต่ที่อยู่ได้เพราะใช้น้ำมันราคาถูกที่ถูกลักลอบนำเข้าจากมาเลเซีย หากใช้น้ำมันไทยขอนอนอยู่บ้านดีกว่า  นี่คือสภาพความเป็นจริงที่ได้สัมผัสมาโดยตรง ชาวบ้านอยู่กันแบบรอความหวังให้รัฐบาลช่วงเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็วเพียงเพื่อให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น มีรายได้ชักหน้าถึงหลังแบบเดือนชนเดือนก็เพียงพอแล้ว


      แต่เมื่อหันมามองระดับรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต่างมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลเปรียบเสมือนขุนพลในการบริหารการคลัง“ ผู้ว่าฯธปท.เปรียบเสมือนขุนพลในการบริหารการเงิน เปิดศึกวิวาทะแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน ใช้วาจาแบบส่อเสียด เยาะเย้ย อย่างแกนนำพรรคเพื่อไทย ต่างดาหน้าวิจารณ์แบงก์ชาติคือตัวปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

  ขณะที่ นายกรัฐมนตรีแสดงออกชัดเจนทั้งเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต จนมาถึงขอให้แบงค์ชาติลดอัตราดอกเบี้ย แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะกฎหมายห้ามล้วงลูก ได้แต่เดินอ้อม เลียบค่ายเพื่อกดดัน

      ศึกวิวาทะที่ปะทะแบบดุเดือดสาเหตุหลัก น่าจะมาจากรัฐบาลเดินหน้าแจกเงินดิจิทัลฯ 10,000 บาท ที่แบงก์ชาติค้านสุดตัว หากมองอย่างมีวุฒิภาวะในการผลักดันนโยบายดังกล่าว ทางรัฐบาลได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ในความเป็นจริงนโยบายสำคัญแบบนี้ระดับผู้นำขององค์กรควรเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง ไม่ใช่ส่งตัวแทนหรือมือรองเข้าไป เมื่อมีการถกเถียงมือรองได้แต่แบะๆรับเรื่องไปหารือกับผู้ว่าฯ ธปท.ก่อน

  ”ถ้าผู้ว่าฯธปท.กล้าหาญจริงและมองเห็นถึงผลเสียแบบทะลุปรุโปร่ง ต้องเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง เพื่อแสดงเหตุผลให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะการประชุมทุกครั้งต้องบันทึกผลประชุมอยู่แล้ว เมื่อผลเสียหายเกิดขึ้นกับประเทศจะยืดอกพูดได้เต็มปาก ไม่ใช่ทำตัวเป็นอีแอบทำได้แค่ส่งเอกสารคัดค้านก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีเพียงวันเดียว“

   หากผู้ว่าฯธปท.กล้ายืนแลกหมัดกับรัฐบาล รับรองว่าเสียงเชียร์ของพวกสลิ่ม พวกอนุรักษ์นิยมที่ไม่ชื่นชมทักษิณ ชินวัตร รวมถึงพรรคก้าวไกลที่คอยค้านมาตลอด จะดังกระหึ่ม และอาจจะกลายเป็นหัวหอกสำคัญของกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่จะสู้กับก้าวไกลก็เป็นได้
   แต่ถ้ามองถึงสถานการณ์ความขัดแย้ง ณ เวลานี้ อยากให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าฯธปท. ใช้วุฒิภาวะคิดตรึกตรอง หันหน้าเข้าหากัน นำเสนอปัญหาแต่ละฝ่าย ให้ได้ข้อสรุปแล้วพบกันแบบครึ่ง เพื่อเศรษฐกิจของประเทศจะขับเคลื่อนไปได้ เพราะประชาชนค่อนประเทศอยู่กันอย่างทุกข์ระทม

   จึงได้แต่หวังว่าทั้งขุนพลการคลังและขุนพลการเงิน มองเห็นหัวชาวบ้านบ้างเพราะต่างแบกหนี้บาน รายได้หด ดอกเบี้ยโหด  แต่พวกคุณเสพสุขกับรายได้ที่เป็นภาษีของชาวบ้าน แบบเรือนแสน เรือนล้าน ขอให้เลิกฟัดกันแล้ว !!!