การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา 2 ดูเค้าน่าจะราบรื่น แต่ต้องสะดุดเมื่อนายปานปรีย์ มหิทธานุกร ยื่นจดหมาลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังถูกปรับพ้นตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพราะเป็นทราบกันดีว่านายปานปรีย์ มีบทบาทสำคัญในการทำงานด้านต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้นำมาแถลงเป็นผลงานในรอบ 6 เดือนด้วย
การเลือกจังหวะทิ้งไพ่ลาออกหลังโปรดเกล้าฯครม.เศรษฐา 2 ทำให้ภาพลักษณ์ของการปรับครม.ครั้งนี้เสียหายหนัก เสมือนการทิ้งบอมบ์แบบไม่ไว้หน้านายใหญ่ที่บรรดาคอการเมืองนินทาว่าเป็นผู้กำกับจัดโผเอง อีกปฏิกิริยาหนึ่งที่รุนแรงพอๆกันคือปรากฏการณ์”เพจหมอชลน่านFcไม่มีดราม่า” แสดงอาการไม่พอใจที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ถูกปรับพ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารณสุข สร้างความไม่พอใจให้กับคนเสื้อแดงอย่างกว้างขวาง
มีการอัพเดตรูปโปรไฟล์คนเหยียบภาพนพ.ชลน่าน หลังพรรคเพื่อไทยแถลงจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้ว พร้อมบทกลอน”ชลน่านพลีชีพโดดเดี่ยวโดนกระทืบ ผู้คนหนีเข้าซอกหลืบหลบมุมไหน พอผ่านพ้นผู้คนตะเกียกตะกาย เหยียบย่ำแย่งเป็นใหญ่ไร้ยางอาย”
ถ้าจับบทบาทของในช่วงที่พรรคเพื่อไทย ข้ามขั้วมาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคที่ถูกมองว่าอยู่ฝั่งเผด็จการ และถูกพรรคฝั่งประชาธิปไตยกระแนะกระแหนว่าตระบัตรสัตย์ พบว่าหมอชลน่าน อยู่ในอาการต้องกลืนเลือด เครดิตทางการเมืองที่สั่งสมมายาวนานว่าเป็นนักประชาธิปไตยติดลบ ระเบิดสองลูกนี้ส่งผลกระเทือนถึงภาพลักษณ์ของรัฐบาลในเชิงลบและมาพร้อมกับภาษิตที่ว่าเสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพล
อีกประเด็นที่น่าจะยืนยันเสียงนินทาได้ว่านายทักษิณ ชินวัตร มีส่วนกำหนดตัวเสนาบดี นั่นคือตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชื่อ นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความประจำตระกูลชินวัตร พลาดหวังครม.เศรษฐา 1 เพราะถูกมองว่าเคยติดคุกคดีถุงกล้วยแขก
แต่ครั้งนี้เข้าวินแบบแบเบอร์ เพราะเป็นทราบกันดีในแวดวงการเมืองและธุรกิจว่าตระกูลชินวัตร จะดูแลและตอบแทนกับบุคคลที่รับใช้แบบเสมอต้นเสมอปลาย สนองตอบไม่ขาดตกบกพร่องแม้จะบุกน้ำลุยไฟ
เมื่อมองอย่างวิเคราะห์ถึงหน้าตาของครม.เศรษฐา 2 ไม่ได้สร้างความหวังอะไรเป็นพิเศษให้ประชาชนเลย ถ้าจะมองว่าต่างตอบแทนที่รับใช้กันมาไม่น่าเกินเลยนัก หรือจะมองว่าการปรับหรือสลับตำแหน่งของรัฐมนตรีที่เก๋าเกมมาคุมกระทรวงที่มีงบประมาณจำนวนมาก เพื่อใช้ความเก๋าในการดูแลงบประมาณเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง คงไม่เกินเลยเช่นกัน
แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นเสียงนินทาที่ว่ารัฐมนตรีแต่ละคนล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของนายทักษิณ มาแทบทั้งสิ้น แม้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะตอบกับผู้สื่อข่าวว่านายทักษิณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
เมื่อ 2 บิ๊กรัฐบาลออกมาการันตีว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่มีชื่อนายพิชิต นั่งเป็นเสานาบดีด้วยคงฟังไม่ขึ้น ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าพรรคเพื่อไทย จะจัดให้ใครเป็นรัฐมนตรีเหมาะสมกับงานหรือไม่ ประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกเราต้องก้มหน้าก้มตารับสภาพอยู่แล้ว ขอเพียงแต่ให้รัฐบาลบริหารจัดการประเทศเดินหน้าไปในทิศทางที่ดี ฉุดประชาชนให้พ้นภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังก็เพียงพอแล้ว
แต่ถ้ารัฐบาลบริหารประเทศแบบเอื้อแค่พวกพ้อง กลุ่มทุนผูกขาดและนายทุนพรรค ปล่อยให้มีการทุจริตแบบหน้าด้านๆ ขอทำนายล่วงหน้าได้เลยว่าเลือกตั้งสมัยหน้าพรรคก้าวไกลมาแรงกว่าครั้งที่แล้วแน่นอน แถมจะได้แนวร่วมมุมกลับที่ไม่เอาแดงรังเกียจส้มกลับมารักส้มก็เป็นได้
ต่อให้มีสักสิบทักษิณที่กลุ่มอำนาจเก่าเชิญมาเป็นหัวขบวนชิงอำนาจทางการเมืองก็เอาไม่อยู่ !!!