วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดปฏิบัติการเด็ดปีกฯ กวาดล้างผู้ค้าและแหล่งมั่วสุมยาเสพติดตามชุมชนแออัด 20 แห่ง ในพื้นที่ 10 เขตใจกลางกรุงเทพใต้ เร่งนำผู้เสพและป่วยจิตเวชที่ตกค้างในชุมชน 50 คน เข้าบำบัด พร้อมขอพลังชุมชนลบภาพ “คลองเตย=ยาเสพติด” หนุนเสริมเกราะคุ้มกันเด็กและเยาวชน ด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ พร้อมกับแถลงข่าวผลการเปิดปฏิบัติการ “เด็ดปีกผู้ค้า รักษาผู้เสพ สร้างชุมชนปลอดภัยยาเสพติด” ครั้งที่ 4/2567 พื้นที่กรุงเทพใต้ (บก.น.5) ระหว่างวันที่ 22-25 เมษายน 2567 โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธานปล่อยแถวชุดปฏิบัติการ พร้อมด้วย นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ปปส.กทม กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) สถานีตำรวจนครบาล (สน.) 9 แห่ง สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และปปส.กทม. รวมกว่า 300 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นผู้ค้ายาเสพติดระดับขายส่งและรายย่อย โดยตั้งเป้าหมายผู้ค้ายาเสพติดจำนวน 62 ราย ในชุมชนแออัด 20 แห่ง ในพื้นที่ 10 เขตของกรุงเทพใต้ พร้อมเอ็กซเรย์ค้นหาและนำผู้เสพและผู้ป่วยจิตเวชจากยาเสพติด ที่หลบซ่อนหรือตกค้างตามชุมชนอีก 50 คน เข้ารับการบำบัดอย่างเร่งด่วน
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ปฏิบัติการเด็ดปีกฯ ครั้งนี้ มุ่งเน้นการสร้างความปลอดภัยในชุมชน และตอบสนองต่อการแจ้งเบาะแสของภาคประชาชน วัตถุประสงค์เพื่อร่วมแก้ไขและทำให้ชุมชนเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยในเขตคลองเตย วันนี้ผมเห็นพลัง ความต้องการแก้ไขปัญหาจากชุมชน แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังคงมีปัญหายาเสพติดอยู่ ซึ่งภาครัฐต้องร่วมมือกับชุมชนอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหา
สำหรับปฏิบัติการ“เด็ดปีกผู้ค้าฯ” ครั้งนี้ จับกุม 17 คดี เป็นการจับกุมความผิดร้ายแรง (ครอบครองฯขึ้นไป) จำนวน 13 คดี จับกุมตามหมายจับ 1 หมาย นำผู้เสพเข้าบำบัด 50 คน ผู้ป่วยจิตเวช 4 คน ของกลาง : ยาบ้า 270 เม็ด ไอซ์ 39.1 กิโลกรัม คีตามีน 26 กิโลกรัม อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก กระสุนปืน 15 นัด ยึดอายัดทรัพย์สิน มูลค่าประมาณ 404,000 บาท ในส่วนของผลปฏิบัติการเด็ดปีก ตั้งแต่ ครั้งที่ 1 – 4 (รวมครั้งนี้) มีผลจับกุมสะสม 113 ราย ยาบ้า 23,070 เม็ด ไอซ์ 40 กิโลกรัม คีตามีน 27 กิโลกรัม ยาอี 200 เม็ด เฮโรอีน 2 กรัม น้ำต้มกระท่อม 127 ลิตร ใบกระท่อม 100 กิโลกรัม ยึดอายัดทรัพย์สิน ประมาณ 1 ล้านบาท นำผู้เสพเข้าบำบัด 139 ราย และผู้ป่วยจิตเวช 8 ราย
นอกจากนี้ ระหว่างการแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่ชุมชนริมไฟสายท่าเรือ เขตคลองเตย เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้พาสื่อมวลชน ครอบครัวที่นำผู้เสพเข้ารับการบำบัด และประชาชนเข้าเยี่ยมชมการแสดงโขนของเด็กเยาวชนจากชุมชนพัฒนา 70 ไร่ พร้อมกล่าวว่า การมีกิจกรรมที่สามารถสร้างงานสร้างอาชีพสร้างสิ่งที่ชอบสามารถยึดเหนี่ยวจิตใจได้ อย่างในชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือนี้ เป็นการแสดง การเล่นกีฬา ก็จะมีส่วนช่วยลดปัญหายาเสพติด ซึ่งต้องชื่อชมผู้นำชุมชนที่ได้สนับสนุนให้มีเวทีเหล่านี้ และตนได้มอบหมายให้ นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ปปส.กทม ติดตามและสนับสนุกิจกรรมเหล่านี้ในชุมชนในเขตพื้นที่ของตน
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ผมย้ำอยู่เสมอว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติด การมีชุมชนที่เข้มแข็งเป็นสิ่งสำคัญ และยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อยเป็นยุทธการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชน ชุมชน เป็นการตอบสนองการแจ้งเบาะแสจากภาคประชาชน นอกจากการสร้างความปลอดภัยด้วยการจัดการผู้ค้าในชุมชน ยังรวมถึงการสนับสนุนการบำบัดผู้เสพซึ่งตนขอให้กำลังใจทุกท่านที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองและเข้ารับการบำบัดรักษา โดยยาเสพติดต้องสู้ด้วยใจ และชุมชนสภาพแวดล้อมจากคนรอบข้างก็สำคัญ โดยเมื่อผู้เสพต้องการบำบัดเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราในฐานะภาครัฐก็ต้องสนับสนุน และในวันนี้ก็ได้มีการมอบทุนประกอบอาชีพแก่ผู้ผ่านการบำบัดรักษาการติดยาเสพติดด้วย และประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติด และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องยาเสพติดผ่านสายด่วน ป.ป.ส. 1386 เพื่อเร่งแก้ไขเป็นไปตามตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ให้ความสำคัญในการปราบปรามผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่สร้างความเดือดร้อนของสังคมชุมชน โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่เป็นพื้นที่พักเก็บก่อนกระจายไปยังภาคกลางและภาคใต้ รวมทั้งมีการแพร่ระบาดยาเสพติด โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จะเร่งดำเนินการสกัดกั้นปราบปรามผู้ค้าทุกระดับในทุกพื้นที่ อย่างเข้มข้น