ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดโครงการประชารัฐสวัสดิการกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก พร้อมเปิดตัวโครงการใช้โทรศัพท์มือถือรับชำระเงินจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐผ่านแอพพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และให้ความช่วยเหลือร้านโชวห่วย ร้านค้ารายย่อยให้อยู่รอดและมีอะไรได้เพิ่มขึ้น โดยกล่าวในตอนหนึ่งช่วงเปิดงาน ว่า วันนี้เป็นอีกก้าวของการทำงานที่ร่วมมือกันในรูปแบบประชารัฐ เพื่อเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนอย่างทั่วถึงและยั่งยืนโดยรัฐบาลยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในทุกๆด้าน ดังนั้นงานการเมืองหรือประชาธิปไตย ก็ต้องมองประชาชนเป็นศูนย์กลางของการทำงานด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นไปตามกรอบของงบประมาณ อีกทั้งรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อย เพราะรู้ดีว่าความจนมันลำบาก และยังเป็นสาเหตุของความขัดแย้งและการบิดเบือน ทำให้บ้านเมืองเกิดความระส่ำระส่าย วันนี้จึงต้องพิจารณาว่า 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง อาจจะถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่ทุกคนต้องฟังสิ่งที่รัฐบาลพูด ไม่ใช่ไปอ่านข้อความสั้นๆ ในโทรศัพท์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี บางเรื่องทำให้เกิดความแตกแยกแบ่งพวกแบ่งฝ่าย ทุกคนจึงต้องมีภูมิคุ้มกันของตัวเอง เชื่ออะไรต้องมีเหตุผล ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องเชื่อ และอย่าลืมว่าเรามีคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย มีทั้งคนดีและไม่ดี ดังนั้นหากไปฟังคนไม่ดีมากๆ ก็จะทำให้กิจการที่ทำในวันนี้ล้มไปทั้งหลด เดินหน้าต่อไปไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนพูดทุกวันเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศและประชาชน เรากำลังเข้าสู่โอกาสในเวลานี้เพราะบ้านเมืองของเราสงบสุขมา 4 ปีแล้ว ลืมกันไปหรือไม่ อีกทั้งการค้าการลงทุนกับต่างประเทศก็ดีขึ้น มีความเชื่อมั่นดีขึ้นในช่วงของรัฐบาลนี้ โดยไม่ต้องรอรัฐบาลหน้า รวมทั้งทุกประเทศต้องการลงทุนกับประเทศไทยมากขึ้น และวันหน้าเมื่อเป็นประชาธิปไตยก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าล้มตรงนี้ก็ไปไม่ได้ แล้วคิดว่าจะเริ่มต้นใหม่ได้อีกเมื่อไหร่ ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนอดทนอีกนิดแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น ถ้าเรามัวแต่เรียกร้องกันมากๆแล้วมีคนมาให้ก็จะผิด
พล.อ.ประยทธ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันตั้งแต่ตนเข้ามาไม่เคยสั่งให้ไปลงโทษใครแม้จะมีอำนาจมากก็ตาม แต่ให้ดำเนินการตามกฏหมายโดยต้องมีหลักฐานและให้ความเป็นธรรม รวมถึงให้สู้คดี ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ระมัดระวังทุกอย่าง จึงขอฝากไปถึงพรรคการเมืองและนักการเมืองต้องระมัดระวังในการหาเสียงในอนาคต วันนี้ตนไม่ได้มาพูดการเมืองแต่มาพูดถึงประเทศว่าจะอยู่กันอย่างไรต่อไป หากวันนี้เราไม่สร้างทุกอย่างให้เข้มแข็ง วันหน้าก็จะล้มไปทั้งหมด เหมือนประชาธิปไตยที่ล้มเอนเอียงจึงต้องทำให้ตั้งตรงและสร้างให้เข้มแข็งขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า หลายคนอ้างผู้มีอิทธิพลในรัฐบาลสั่งโน้นสั่งนี้ ตนถามจะสั่งได้อย่างไร ตนเป็นนายกฯ ยังไม่สั่งให้กระทรวงไหนเก็บเงินมาให้ มันสั่งได้เหรอ มันสั่งไม่ได้ อย่าไปเชื่อ ใครจะอ้างอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น จะเพื่อนตนจะสนิทสนม จะใครก็ไม่รู้หรือแม้แต่คนในครอบครัวตนก็ไม่ได้ มาขออะไรพิเศษไม่ได้ เพราะเรากำลังทำให้ประเทศและประชาชนของเรา
“เราจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร ขอให้เชื่อมั่น ส่วนการปฏิรูปไม่ใช่ทำวันนี้พรุ่งนี้เสร็จ แค่เรื่องกฎหมายก็ต้องใช้เวลา เพราะการปฏิรูปต้องมีเรื่องกฎหมาย มีบริหารจัดการ มีกลไกเพิ่มเติมในการทำงาน มีคณะทำงานหลายคณะ อย่าให้ใครมาบิดเบือนว่า 4 ปีไม่ได้ปฏิรูปอะไรเลย ถ้าไม่ทำจะเกิดโครงการเหล่านี้ได้ไหม ทุกอย่างต้องใช้เวลา ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มว่า ถ้าทุกคนฟังที่ตนพูดบ้างจะรู้ว่ามีอะไรดีขึ้น ถ้าไปฟังแต่เรื่องขัดแย้งก็จะเป็นแบบเดิมๆ วันนี้คนที่ต้องรู้หมดทุกเรื่องคือผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องรู้เหมือนที่นายกฯรู้ เพราะเป็นกลไกรัฐบาลที่ต้องไปขับเคลื่อนเปรียบเสมือนเป็นนายกฯของจังหวัด สามารถเรียกประชุมสั่งการตามนโยบายได้ และให้ทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวงที่อยู่ในพื้นที่จังหวัด อย่าถือเป็นคนของใคร ให้ถือเป็นคนของประชาชน แล้วรายงานมายังรัฐบาลอีกครั้ง