ผบช.สตม.นำทีมแถลงรวบต่างชาติทำผิด 4 คดีรวด

279

“ผบช.สตม.”นำทีมแถลงผลงานสนองนโยบาย ตร.ระดมกวาดล้าง รวบ 4 คดีรวด ”รองเม่น“สั่งขยายผลหากพบใครเอี่ยวเอาผิดหมด

วันนี้ (7 มี.ค.67) เวลา 10.00 น.ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,กล่าวว่า ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.คธาธร คําเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3,พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.สส.บก.ตม.3 พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร,ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้

(คดีที่ 1)หนีไม่รอด! ผู้สั่งการขนคนต่างด้าวรายใหญ่โร่มอบตัว ตม.3 หลังถูกกดดันหนักจนหนีไปนอนป่า

กก.สส.บก.ตม.3 จับกุมนายเจด (นามสมมติ) อายุ 44 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 115-116/2567 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน ร่วมกันช่วยเหลือ ช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตให้รอด พ้นจากการจับกุม นําตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ต.บ้านใหม่อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 ตม.จว.สมุทรปราการ และ กก.สส.บก.ตม.3 ได้ร่วมกันจับกุมคนไทย 3 คน ในข้อหา “ช่วยเหลือ ช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆขณะกําลังลักลอบพาคนต่างด้าวชาวกัมพูชาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวม 10 คน มาส่งที่บ่อปลาแห่งหนึ่งในเขตจว.สมุทรปราการ นําส่งพนักงานสอบสวนของ กก.สส.บก.ตม.3 ดําเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ ตม.จว.สมุทรปราการ และ กก.สส.บก.ตม.3 ได้ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนขยายผล จนพบความเชื่อมโยงว่า นายเจด (นามสมมุติ) เป็นผู้สั่งการในการลักลอบขนคนทั้งสองคดีก่อนหน้านี้ และในระหว่างช่วงต้นปี 2566 ถึงปัจจุบัน บัญชีธนาคารของนายเจดมีเงินหมุนเวียนกว่า 150 ล้านบาท โดยมีการทํา ธุรกรรมพัวพันกับผู้ต้องหาในคดีก่อนหน้าถึงกว่า 1 พันครั้ง พนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 จึงขออนุมัติหมายจับ จํานวน 2 หมาย ต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ และศาลได้อนุมัติตามคําขอ ในระหว่างติดตามจับกุมตัว ยังได้ปรากฏอีก ว่า เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 18.20 น. ตม.จว.ฉะเชิงเทรา ได้พบเหตุลักลอบขนคนกัมพูชาในพื้นที่ โดยได้ควบคุมตัวคนต่างด้าวไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางกว่า 20 คน แต่ผู้ขับรถที่มาขนคนได้หลบหนีไปก่อน ซึ่งจากการ สืบสวนพบว่า นายเจด คือ ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตํารวจตรวจคนเข้าเมืองจึงระดมกําลังติดตามจับกุมตัว นายเจด มาดําเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ต่อมานายเจดได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.สส.บก. ตม.3 โดยนายเจดรับรับสารภาพว่ามีส่วนร่วมในการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายจริง และที่มามอบตัว ก็เพราะ รู้สึกกดดันที่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามตัวอย่างหนัก จนตัวเองต้องหนีไปนอนในป่าหลายวัน และสุดท้ายคงหนีไม่รอด จึงขอ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ จากการขยายผลเพิ่มเติม พบว่านายเจดนั้นยังมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายลักลอบขนคนต่าง ด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในคดีอื่นอีก ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดําเนินคดีตามกฎหมาย กฎหมายให้พ้นจากการจับกุม
ต่อไปให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิด

(คดีที่ 2) สตม.จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ “ฟอกเงิน” พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 70 ล้านบาท

ตม.จว.สมุทรสาคร ร่วมกับ สภ.ม่วงสามสิบ จับกุม นางสุด (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี สัญชาติลาว ตามหมายจับ ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 281/2566 ลงวันท่ี 28 กันยายน 2566 ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน ร่วมกันจําหน่าย ยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน โดยไม่ได้รับอนุญาต, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทําความผิดก่อนหรือขณะกระทําความผิดจําหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพ่ือการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน โดยไม่ได้รับ อนุญาต, รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทําความผิดเพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทํา ความผิด หรือเพ่ือมิให้ผู้กระทําความผิดถูกลงโทษ นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ม่วงสามสิบจว.อุบลราชธานี ดําเนินคดี ตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร (สถานีย่อยกระทุ่มแบน) ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ดําเนินคดีตามกฎหมายช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2567 ตม.จว.สมุทรสาคร ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.ม่วง สามสิบ ว่านางสุด (นามสมมุติ) ซ่ึงผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานีความผิดเก่ียวกับจําหน่ายยาเสพติด และฟอกเงิน ได้หลบหนีหมายจับมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้ร่วมกันได้ออกสืบสวนหาข่าวและติดตามตัว นางสุด จนกระทั่งสืบทราบว่านางสุด จะมาติดต่อธุระส่วนตัวบริเวณใกล้กับที่ทําการตม.จว.สมุทรสาคร จึงได้ไปตรวจสอบ จนกระทั่งพบบุคคลซ่ึงมีตําหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับดังกล่าว จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้ แทนหนังสือเดินทาง จากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนางสุดซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงได้แสดงหมายจับ ทําการจับกุม จากการสืบสวนทราบว่านางสุด ไดเ้ ปิดบัญชีธนาคารสําหรับรับโอนเงินกลับประเทศลาว โดยมีเงินหมุนเวียนใน บัญชีกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งจะได้ทําการสืบสวนขยายผลต่อไป

(คดีที่ 3 )สตม.ทลายแก๊งพนันออนไลน์เวียดนามตั้งฐานเช่าบ้านหรูกลางเมือง

เมื่อวันท่ี 5 มีนาคม 2567 กก.1 บก.สส.สตม. ได้นําหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหรูแห่งหน่ึงย่านพระราม 9 เน่ืองจากต้องสงสัยว่ามีแก๊งชาวต่างชาติใช้เป็นฐานเปิดบ่อนพนันออนไลน์ จนสามารถจับกุม น.ส.คิม (นามสมมติ) อายุ 21 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมกับพวกรวม 18 คน (ชาย 10 คน หญิง 8 คน) โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทําอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่อ อิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของกลาง จํานวน 39 รายการ นําส่ง พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดําเนินคดี ตามกฎหมาย สถานท่ีจับกุม บ้านพักแห่งหนึ่งหน่ึงย่านพระราม 9 แขวงสวน หลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯกก.1 บก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนว่าที่บ้านพักแห่งหน่ึงย่านพระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ มีกลุ่มชาวต่างชาติมีพฤติกรรมน่าสงสัยรวมกลุ่มจํานวนหลายคนอยู่ภายในบ้านดังกล่าว ลักษณะมีการเปิดไฟ ทํางานกันตลอดท้ังวันท้ังคืน และคนในบ้านไม่ค่อยออกไปไหน กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ทําการตรวจสอบแล้วเชื่อว่าน่าจะ เป็นแก๊งชาวต่างชาติลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ และได้ทําการสืบสวนเฝ้าสังเกตพฤติกรรมคนภายในบ้านจนทราบว่าเป็น กลุ่มชาวเวียดนามจํานวนไม่ต่ํากว่า 10 คน และพบพยานหลักฐานว่ามีการลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์จริง จึงได้ย่ืนคําร้องขอหมายค้นบ้านหลังดังกล่าวต่อศาลอาญาพระโขนงและทําการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบว่าบ้านหลัง ดังกล่าวเป็นบ้านสองช้ัน ชั้นที่ 1 จัดเป็นที่พักผ่อนและรับประทานอาหาร ชั้นที่ 2 เป็นห้องพัก ส่วนห้องโถง เป็นสถานท่ี ทํางานมีเคร่ืองคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ตั้งอยู่ จํานวน 10 ชุด มีพนักงานนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ซึ่งมีการเข้าระบบ

(คดีที่ 4) เว็บพนันออนไลน์ b29.cafe, b69.cafe, Choangclub99.com, kingfun247.com และเข้าระบบโปรแกรมสื่อสังคม ออนไลน์เพื่อสนทนา ประกาศ ชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันและติดต่อแก้ไขปัญหาในการเล่นการพนันออนไลน์ และพบ ไฟล์เอกสารตารางการทํางานและดูแลระบบเว็บพนันของพนักงานแต่ละคน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบพนักงานทั้ง 18 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทํางานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ และจากการสอบถามคนต่างด้าวทั้ง 18 คนให้การ ยอมรับว่าพวกตนทํางานเป็นแอดมินเติมเครดิตให้กับลูกค้าและชักชวนลูกค้าให้มาเล่นการพนันออนไลน์ โดยมีการแบ่ง หน้าที่และช่วงเวลากันทํางานตลอด 24 ชั่วโมง มีนายทุนใหญ่เป็นชาวเวียดนาม ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนๆ ละ 20,000 บาท และเงินส่วนแบ่งที่ได้จากการชักชวนลูกค้าที่มาเล่นการพนัน โดยเช่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นฐานกระทําผิดมาตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566

ด้าน พล.ต.ท.นุชนาถ กล่าวว่า ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทําความผิด พร้อมทั้งยังได้สั่งให้ขยายผลทุกคดี หากพยานหลักฐานถึงใครให้ดำเนินการตามกฏหมายกำหนดอย่างเด็ดขาด รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทําความผิด กรุณาแจ้งมายัง สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง ”

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #สตม #กวาดล้างอาชญากรรม