นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานกฏหมายพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเฟสบุ๊ค กล่าวถึงกรณีที่น.ส.วิภา บานเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.กำแพงเพชร ถูกยึดบ้านและที่ดินขายทอดตลาด ซึ่งเป็นผลจากการค้ำประกันหนี้กยศ.ให้กับนักเรียน โดยระบุว่า “คุณครูต้องถูกบังคับคดี???
ต้องขอชื่นชมคุณครูที่ได้ทำหน้าที่และตั้งใจทำสิ่งที่ดีให้กับศิษย์เพื่อให้มีโอกาสศึกษา และขอชื่นชมผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ได้หาทางในการแก้ปัญหาเพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับคุณครู ซึ่งความจริงแล้วแนวทางด้านกฎหมายก็สามารถทำได้หลายช่องทางในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การไกล่เกลี่ยพูดคุยซึ่งสามารถทำได้ทุกขั้นตอนแม้อยู่ในชั้นบังคับคดี กยศ แจ้งการงดการบังคับคดี เพื่อหาวิธีการบังคับกับศิษย์ผู้เป็นหนี้ก่อน คุณครูก็มีสิทธิในการทำหนังสือถึง กยศ เพื่อขอให้ทาง กยศ บังคับกับศิษย์ผู้เป็นลูกหนี้ก่อน อายุความในการบังคับคดีมีกำหนด ๑๐ ปีนับแต่วันมีคำพิพากษา
แต่การแก้ปัญหาในระยะยาว การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ที่กำหนดให้ หน่วยงานของรัฐและเอกชน ต้องหักเงินกับลูกจ้างที่หนี้ กยศ เพื่อส่งกองทุน ก็ต้องเร่งดำเนินการ แต่ก็ต้องหาทางแก้เช่นกันกรณีที่ผู้กู้ยืมไม่ได้อยู่ในระบบของราชการหรือเอกชนจะทำอย่างไร การส่งเสริมสร้างจิตสำนึกให้กับผู้กู้ยืมเงิน กยศ ตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ให้เห็นแก่ตัว ให้เห็นความสำคัญของเงินที่ตนกู้ยืม ว่าจะมีผลกระทบต่อน้องๆรุ่นหลังหากไม่ชำระหนี้ตามกำหนด โครงการนี้เกิดขึ้นสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้กู้ยืม สำหรับเป็นค่าเล่าเรียน ถือว่าประสบความสำเร็จ และพรรคก็จะนำนโยบายนี้มาสานต่อเป็นนโยบายหลักในครั้งหน้าเช่นกัน”
คุณครูต้องถูกบังคับคดี???ต้องขอชื่นชมคุณครูที่ได้ทำหน้าที่และตั้งใจทำสิ่งที่ดีให้กับศิษย์เพื่อให้มีโอกาสศึกษา …
โพสต์โดย ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม 2018