ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามคำร้องขอของอัยการ ขอให้กำหนดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ถูกคุกคาม เนื่องจากการเข้าไปให้คำแนะนำสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันมินนี่ ด้าน อธิบดีอัยการสอบสวน ‘กุลธนิต’ เผยได้รับการคุ้มครองจาก ตร.และอัยการสูงสุดแล้ว
จากกรณีวานนี้ (19 ก.พ.67) สำนักงานอัยการสูงสุดแถลงข่าวกรณีมีหนังสือแจ้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้กำหนดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ซึ่งถูกคุกคาม เนื่องจากการเข้าไปให้คำแนะนำสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันมินนี่ ตามที่อัยการสูงสุด มีคำสั่งมอบหมายให้ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และนายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 เข้าให้คำแนะนำปรึกษาในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่ 468/2566 ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ คดีระหว่าง พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ ผู้กล่าวหา นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ ต่อมาได้โอนให้กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เป็นผู้รับผิดชอบทำการสอบสวน โดยรับไว้เป็นคดีอาญาที่ 724/2566 โดยให้นายกุลธนิต และนายสุริยน เข้าทำหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.2566 เป็นต้นไป ซึ่งการมอบหมายดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีสำคัญและเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน มีผู้ร่วมกระทำความผิดเป็นเครือข่ายจำนวนมาก เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวนในคดีอาญา ซึ่งดำเนินคดีโดยรัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการมอบหมายดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2563 ข้อ 9 ข้อ 15 ข้อ 16 และข้อ 17
ต่อมา ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ได้ร้องเรียนการทำหน้าที่ของนายกุลธนิต และนายสุริยน ไปยังอัยการสูงสุด พร้อมกับแนบเอกสารภาพถ่ายที่ปรากฏภาพของทั้งคู่ขณะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว โดยภาพดังกล่าวมีลักษณะเป็นการติดตามและแอบถ่าย โดยผู้ถูกถ่ายภาพไม่ยินยอมและไม่รู้ตัว เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ ในเชิงการคุกคามข่มขู่ นายกุลธนิต และนายสุริยน ได้ตรวจสอบข้อร้องเรียนแล้วพบว่า ตามหนังสือร้องเรียนของผู้ต้องหา เบื้องต้นจากการตรวจสอบของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีหลักฐานเพียงพอเชื่อได้ว่าผู้ที่ติดตามแอบถ่ายดังกล่าว และผู้ต้องหา ที่ร้องเรียน ซึ่งถูกสอบสวนดำเนินคดีนี้ ปัจจุบันยังคงรับราชการเป็นตำรวจอยู่ การกระทำของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นการข่มขู่ ติดตามชีวิตส่วนตัว และอาจไม่ปลอดภัยต่อตนเองและครอบครัว โดยสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่สามารถหามาตรการที่รองรับความปลอดภัยของตนเองและครอบครัวได้ มีความประสงค์ขอพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาคณะพนักงานสอบสวนชั่วคราว จนกว่าสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะกำหนดมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ตนเองได้
อัยการสูงสุดพิจารณาหนังสือนายกุลธนิต และนายสุริยนแล้ว เห็นว่าบุคคลทั้งสองถูกคุกคามข่มขู่ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาในการสืบสวนสอบสวน ในคดีที่อัยการสูงสุดมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่จริง จึงได้ทำหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อขอให้ดำเนินการ ดังนี้
(1)ดำเนินการให้มีมาตรการป้องกันคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่นายกุลธนิต และนายสุริยน รวมทั้งบุคคลในครอบครัว ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ จนกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดภยันตรายต่อชีวิตร่างกายของตนเองและบุคคลในครอบครัวหมดไป
(2) แจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาให้มีมาตรการป้องกันคุ้มครองความปลอดภัยของบุคคลดังกล่าว และพิจารณาไม่ให้ผู้ต้องหา ผู้ร้องเรียนทั้งแปดที่ยังคงรับราชการเป็นตำรวจ มีพฤติการณ์กระทำในเชิงคุกคามข่มขู่พนักงานอัยการที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ และขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน
(3) อนุญาตให้นายกุลธนิตและนายสุริยน หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ไว้ก่อนชั่วคราว นับตั้งแต่วันที่อัยการสูงสุดอนุญาตเป็นต้นไป จนกว่าจะได้มีการดำเนินการตามข้อ 1 และข้อ 2 เสร็จแล้ว
(4)หากเห็นว่าพฤติการณ์การกระทำในเชิงคุกคามข่มขู่สิ้นสุดลง และพนักงานอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่เห็นว่ามีความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินแล้ว ให้เรียนอัยการสูงสุดเพื่อโปรดทราบและแจ้งคณะพนักงานสอบสวนเพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
(5)แจ้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า จากการกระทำดังกล่าวมีบุคคลใดได้กระทำความผิดอาญาหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดให้มีการดำเนินคดีและรายงานผลคดีให้อัยการสูงสุดทราบด้วย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามคำร้องขอของอัยการ ดังนี้
(1) กรณีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของพนักงานอัยการ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล โดยกองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ซึ่งมีหน้าที่ให้การอารักขาและคุ้มครองความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ดำเนินการในเรื่องการคุ้มครองความปลอดภัยของอัยการ และให้รายงานผลการดำเนินการให้ทราบทุก 7 วัน
(2) กรณีการดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันมินนี่ และตำรวจที่ไปคุกคามพนักงานอัยการ ผบ.ตร. ได้ดำเนินการดังนี้
(2.1) ข้าราชการตำรวจที่ไปเกี่ยวข้องกับการคุกคามพนักงานอัยการ ทั้งคนที่แอบถ่ายภาพ และคนที่นำภาพถ่ายไปใช้ในทางที่มิชอบ ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งทางวินัยและทางอาญา กับข้าราชการตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการคุกคามพนักงานอัยการในเรื่องดังกล่าว
(2.2) ข้าราชการตำรวจ 8 นาย ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันมินนี่ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่ง ตร. ที่ 93/2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกับข้าราชการตำรวจทั้ง 8 นาย และให้รายงานผลการสืบสวนข้อเท็จจริงให้ทราบโดยเร็ว ทั้งนี้ การสืบสวนข้อเท็จจริงให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด
(2.3) ในส่วนของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.ป.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์อีก 1 คดี ที่ สน.เตาปูน นั้น ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ พ.ต.ท.คริษฐ์ แล้ว ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้กองวินัยตำรวจ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องวินัยข้าราชการตำรวจ เข้าไปกำกับตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย
(3) มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์ รอง ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุมและประสานการปฏิบัติกับพนักงานอัยการด้วยตนเอง เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถูกคุมคาม และมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของพนักงานอัยการ
รองโฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ฝากย้ำเตือนถึงข้าราชการตำรวจทุกนาย ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า ข้าราชการตำรวจมีกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้อง กำหนดการปฏิบัติไว้ชัดเจน การกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นความผิดทั้งทางวินัยและทางอาญา จึงขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายประพฤติตนอยู่ในกรอบของกฎหมายและระเบียบวินัย ไม่ประพฤติตนในทางที่เสื่อมเสีย ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับประชาชนและข้าราชการหน่วยงานอื่น
อธิบดีอัยการสอบสวน ‘กุลธนิต’ เผยได้รับการคุ้มครองจาก ตร.และอัยการสูงสุดแล้ว ยอมรับเป็นอัยการมา 30 ปีไม่เคยถูกผู้ต้องหาคุกคาม
หากเป็นประชาชนภาครัฐจะทำอย่างไร
ด้าน นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงาน การสอบสวน เปิดเผยถึงกรณีที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดมีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้กำหนดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยกับพนักงานอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุดจำนวน 2 คน คือ ตนเอง และนายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ที่เข้าร่วมให้คำแนะนำปรึกษาในการสืบสวนสอบสวนคดีที่จับกุมเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ (มินนี่) ตามที่พนักงานสอบสวนได้ร้องขอ แต่กลับถูกหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้กับพวกจำนวน 8 รายที่ยังรับราชการตำรวจอยู่ มีพฤติการณ์ข่มขู่คุกคามโดยถ่ายภาพขณะปฏิบัติหน้าที่และร้องเรียนไปยังอัยการสูงสุดนั้น
นายกุลธนิตยอมรับว่า ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ทำหน้าที่รับราชการเป็นอัยการ จนถึงอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ไม่เคยปรากฏว่ามีเหตุการณ์ที่ถูกผู้ต้องหาถ่ายภาพขณะปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งมองว่าขนาดตนเองที่เป็นระดับอธิบดีอัยการยังถูกคุกคามในลักษณะนี้ได้ แล้วหากเป็นประชาชนทั่วไปภาครัฐจะมีมาตรการอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยตนเองและอัยการอีกท่านหนึ่งเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการดำเนินการได้ และยังไม่ทราบว่า มีการชี้แจงรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปยังอัยการสูงสุดหรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่ประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดในคดีอาญาหรือไม่ และขณะนี้อัยการทั้งสองท่านยังอยู่ระหว่างพักการร่วมสอบสวนในคดีดังกล่าว