“นายกสมาคมฯทัพช้างศึก”เหนื่อยใจ ทวงเงินตอบแทนให้ทีมลูกหนัง แข่งซีเกมส์พนมเปญ จบเกือบ 3 เดือน ยังไร้คำตอบ ร่อนหนังสือทวงถามถึงอ้างเหตุสารพัด !!

903

สมาคมฯลูกหนัง ยุค”สมยศ“เดินเกมจนได้เป็นเจ้าภาพประชุมสมาชิกฟีฟ่าโลกประจำปี ครั้งแรกในเอเซียมีสมาชิก 200 กว่าคนร่วม 27 พ.ค.นี้ แต่รัฐบาลยังมึนเงียบการเตรียมความพร้อม


                               
           ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียหรือเอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้าย กำลังบดแข้งกันที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 12 มกราคม-10 กุมภาพันธ์ 2567 ช้างศึก ทีมชาติไทยลงดวลแข้งในกลุ่มเอฟ ผลการแข่งขันจะจบลงแบบไหน ต้องตามลุ้น

          แต่ไม่ว่าผลการแข่งขันจะจบลงอย่างไร สิ่งสำคัญคือขวัญกำลังใจของนักฟุตบอลทุกคนรัฐบาลต้องให้การดูแล โดยเฉพาะด้านสวัสดิการและเงินรางวัล ควรต้องตอบแทนในระยะอันรวดเร็ว ไม่ใช่ปล่อยให้รอเก้อ รอลุ้นว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย จะจ่ายเมื่อใดหรือต้องทวงถามถึงจะขยับ

         อย่างกรณีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-19 พฤษภาคม 2566 การจ่ายเงินรางวัลนักกีฬา บุคลากรการกีฬาและสมาคมการกีฬาฯ อยู่ในอาการอืดอาด

       ไปแอบรูัมาว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถึงขั้นทำหนังสือทวงถาม ไปตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ส่งถึงนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี ขอให้ตรวจสอบการจ่ายเงินรางวัลนักกีฬา บุคลากรกีฬาและสมาคมกีฬาแห่งประเทศ

    ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง เพราะนักกีฬาและบุคลากรกีฬาต่างไปหน้าที่เพื่อชื่อเสียงของประเทศ ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะกำกับดูแลการกีฬาแห่งประเทศไทย ควรต้องเร่งดำเนินการไม่ใช่ต้องทวงถาม

   ยังไปแอบรู้มาอีกว่าเมื่อ หนังสือของ พล.ต.อ.สมยศ ถึงมือนายปานปรีย์ มีการสั่งให้ นายศึกษิษฏ์ ศรีจมอขวัญ รองเลขาธิการนายรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566

     กว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ตอบกลับต้องใช้เวลาเดือนกว่า โดย นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าการการกีฬาฯมีหนังสือตอบกลับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯลงวันที่ 5 มกราคม 2567 และหนังสือถึงสมาฟุตบอลฯลงรับวันที่ 10 มกราคม 2567

   หนังสือระบุตอนหนึ่งว่าที่ประชุม คณะอนุกรรมการด้านสวัสดิการกีฬาครั้งที่ 6/2566 วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 มีมติเห็นชอบ จ่ายเงินรางวัลแก่นักกีฬาฟุตบอลทีมชาย ผู้ฝึกสอนและสมาคมกีฬาในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 โดยจะจ่ายเงินรางวัลตามที่คณะกรรมการฯกำหนด และจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ในครั้งต่อไป

   หากดูตามไทม์ไลน์ จะพบว่าถึงความล่าช้าในการทำงานของการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในยุคปัจจุบันการทำงานในลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่งเพราะกระทบถึงขวัญและกำลังใจของนักกีฬาและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง

   ซึ่งผู้บริหารกองทุนฯบางคนอาจจะมองว่าเป็นเงินสวัสดิการเพียงเล็กๆ จึงละเลยที่จะให้ความสำคัญ แต่ทางกลับกันเงินสวัสดิการเหล่านี้มีความจำเป็นต่อนักกีฬาส่วนใหญ่ เพราะบางคนถือว่าเป็นรายได้หลักที่ควรจะพึงได้รับในเวลาอันรวดเร็ว

  หากมองในมุมของสายบังคับบัญชา ถือว่าผู้บริหารการกีฬาแห่งประเทศไทย และผู้บริหารกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะรองนายกรัฐมนตรี ที่มอบให้เลขาธิการฯ ทำหนังสือทวงถามความคืบหน้าไปตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ถ้าให้ความสำคัญควรจะตอบหรือชี้แจงไม่ควรจะเกินวันที่ 10 ธันวาคม 2566 ด้วยซ้ำ
 แต่กลับปล่อยเวลาล่วงเลยจนข้ามปี ถึงจะตอบกลับในวันที่ 5 มกราคม 2567 ถึงนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถมตีหัวด่วนที่สุด แต่ใช้เวลา 5 วัน หนังสือถึงสมาคมฟุตบอลฯในวันที่ 10 มกราคม 2567

  แถมในหนังสือยังไม่ได้แจ้งว่าจะจ่ายเงินสวัสดิการให้เมื่อใด เพียงแต่บอกว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ในครั้งต่อไป สมาคมฟุตบอลฯผู้รับหนังสือคงต้องมาลุ้นต่อว่าจะประชุมเมื่อใดและจะอนุมัติให้จ่ายวันไหน จึงไม่แน่ใจว่าเป็นการเตะถ่วงเพื่อดิสเครดิต พล.ต.อ.สมยศ หรือไม่ ?

  ขณะเดียวกันระหว่างที่  พล.ต.อ.สมยศ บริหารสมาคมฟุตบอลฯแม้จะถูกวิจารณ์ในทางลบบ้าง แต่ได้ขับเคลื่อนงานระดับโลกด้วยการผลักดันให้มีการประชุมสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า ประจำปี 2567เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยและอาเชียน มีประเทศสมาชิกกว่า 200 คนพร้อมผู้ติดตามจำนวนมากในวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 แต่ยังไร้ความเคลื่อนไหวจากรัฐบาลในการสนับสนุน ทั้งที่ประเทศและรัฐบาลได้รับเครดิตจากแฟนบอลทั่วโลกแบบเต็มๆ

   ดังนั้นเมื่อมองถึงความเคลื่อนไหวในการผลักดันการประชุมของฟีฟ่าที่จะเกิดขึ้นวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ บวกกับอาการอืดอาดถึงขั้นเตะถ่วงของการกีฬาแห่งประเทศไทย ในการพิจารณาจ่ายเงินรางวัลของนักกีฬาฟุตบอลที่ล่วงเลยมาแบบข้ามปี

    จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่วงการกีฬาไทยถึงยังตกอยู่วังวนเดิมๆเก่งแต่ในกลุ่มชาติอาเชียน เท่านั้น เพราะแม้แต่เงินรางวัลที่นักกีฬาพึงได้รับยังเตะถ่วงกันแบบข้ามปีเลยทีเดียว เรื่องนี้จริงไม่สื่อสายกีฬาลองไปสอบถาม นายกฯสมาคมลูกหนังเอง เพื่อความโปร่งใสว่าใครจริง ใครปลอม..!!.?

ถ้าสื่อสายกีฬาทุกสำนักรูัข้อเท็จจริง อาจจะช่วยทวงถามเงินค่าตอบแทนของทีมช้างศึก อีกทาง แถมรัฐบาลจะได้เดินเครื่อง เตรียมความพร้อมรับบุคลากร จากฟีฟ่ากว่า 200 คน ให้เป็นที่ประทับใจของผู้มาร่วมประชุมจากสมาชิกทั่วโลก ยังมีผลต่อยอดดึงเงินเข้าประเทศก้อนใหญ่มหึมาต่อๆไป กูละเพลียจริงๆ..!!!