ส่งท้ายปีเก่า 66-รับปีใหม่ 67 ขอ รบ.เศรษฐา แก้ 2 ปัญหาก่อน“ยาเสพติด-แก๊งคอนเซ็นเตอร์”        

902

  ขอส่งท้ายปีเก่า 2566 ต้อนรับปีใหม่ 2567 ขอให้ผู้อ่านและผู้มีอุปการคุณ สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ ทุกๆท่าน มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ยิ้มรับปีมังกรทองด้วยใจเบิกบาน แม้จะยิ้มแบบแห้งๆบ้างขอให้ยิ้มไว้ก่อน เพราะปากยิ้มหัวใจก็ยิ้มด้วย

          เมื่อก้าวสู่ปีใหม่ต่างตั้งความหวังว่าการดำรงชีวิต คงจะดีขึ้นภายใต้การบริหารของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพราะดูจากอากัปกิริยาของนายเศรษฐา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้แสดงถึงภาวะผู้นำให้เห็นค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการแสดงความเห็นแต่ละครั้งเลือกที่จะยืนอยู่ข้างคนส่วนใหญ่ของประเทศ

          ซึ่งในห้วงกว่า 8 ปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลเผด็จซ่อนรูป ไม่ค่อยมีให้เห็นไม่ว่าจะเป็นกรณีการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ จะยอมตามที่เสนอมา หรือการวางยุทธศาสตร์ 20 ปี ถึงขั้นเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ สะท้อนถึงความล้าหลังไม่ทันโลก

     ขณะที่ นายเศรษฐา กล้าที่จะตีกลับให้ไปทบทวนการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำแค่ 2-16 บาท พร้อมแสดงถึงความรู้สึกไม่สบายใจที่ค่าแรงงานขั้นต่ำขึ้นน้อยมาก พร้อมยืนยันจะผลักดันให้ปรับค่าแรงเพิ่มอีกในปี 2567 รวมถึงวิจารณ์ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มรดกบาปของรัฐบาลเผด็จว่า ไม่มีใครวางแผนยาวนาน 20 ปี แม้ 5 ปี ยังทำยาก เพราะโลกนี้เปลี่ยนเร็วจะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ

    เมื่อนายเศรษฐา แสดงบทบาทภาวะผู้นำแบบมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ในปี 2567 อยากขอให้นายกรัฐมนตรีเร่งแก้ปัญหาหลักๆเพียงแค่ 2 อย่างให้บรรลุผลก่อน

  ปัญหาแรกการแพร่ระบาดของยาเสพติด แม้ในวันที่ 26 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดระยะ 1 ปี  มีรัฐมนตรีหลายกระทรวง ตำรวจ ทหารและภาคประชาชนเข้าร่วมรับนโยบายไปแล้วก็ตาม

      เมื่อเปิดแผนปฏิบัติการไปแล้วอยากให้นายกรัฐมนตรีตรวจการบ้านจากผู้ปฏิบัติทุกๆสัปดาห์ เพราะชาวบ้านที่ลูกหลานตกเป็นทาสยาเสพติด ต่างตั้งตารอมาตั้งแต่ที่นายเศรษฐา รับตำแหน่งใหม่ๆแล้ว แต่ยังไร้ความคืบหน้า มีแต่ภาพประชุมเพื่อประชุม

  สิ่งแรกที่ชาวบ้านอยากเห็นมากสุดคือแนวทางที่ให้ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เอกซเรย์พื้นที่ตรวจสอบว่าครอบครัวไหนมีลูกเป็นทาสยาบ้างแล้วนำเข้าบำบัดระหว่างที่ทาสยาเข้าบำบัดอยากให้ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ลุยปราบปรามพ่อค้ารายใหญ่ รายย่อยในชุมชนแบบเฉียดขาด เมื่อทาสยาที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับออกมา จะไม่กลับไปสู่วงจรเดิมอีกเพราะพ่อค้ายาถูกขจัดหรือถูกส่งให้ไปเกิดใหม่แล้ว นี่คือสิ่งที่ชาวบ้านอยากเห็นและอยากให้รัฐบาลดำเนินการโดยเร็วที่สุด

    ปัญหาที่สอง การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งพนันออนไลน์ เพราะอาชญากรรมประเภทนี้ทำให้ชาวบ้านหมดตัว สถาบันครอบครัวพังทลายถึงขั้นฆ่าตัวตายแบบยกครัว มามากแล้ว

    แม้นายกรัฐมนตรีจะให้ความสำคัญในการปราบปราม แต่ปัญหามิได้ลดลง ซ้ำร้ายยังมีชาวบ้านถูกหลอกให้เห็นอยู่เนืองๆ ล่าสุด 28 ธันวาคม พบศพสาววัย 37 ปี รมควันฆ่าตัวตายในรถ สาเหตุถูกแอพดูดเงินเสียหายนับล้านบาท

      การปราบปรามอาจจะทำลำบากเพราะเกี่ยวพันกับผลประโยชน์มหาศาล ตำรวจบางส่วนอยู่ในเครือข่ายแก๊งคอนเซ็นเตอร์และแก๊งพนันออนไลน์ บางนายเป็นเจ้าของเว็บเอง เจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม รวมถึงเจ้าหน้าที่ค่ายโทรศัพท์มือถือ นำข้อมูลไปขายให้กับมิจฉาชีพกลุ่มนี้

   ถ้าจะปราบจริงอดีตบิ๊กตำรวจชี้ช่องว่าจากประสบการณ์สืบสวนจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบว่าฐานใหญ่อยู่ที่กัมพูชา หากนายกรัฐมนตรีจะปราบให้ลดน้อยลง ควรไปเจรจาขอความร่วมมือกับ สมเด็จฮุนเซ็น ผู้นำกัมพูชา ให้ช่วยปราบปราม เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คอยเอื้อประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่ของกัมพูชาแบบอิ่มหมีพีมันแถมมีสัญญาใจกันจะไม่หลอกลวงชาวกัมพูชา

      จึงได้แต่หวังว่านายกรัฐมนตรีจะทำให้ความคาดหวังเป็นจริง ส่วนแนวทางจัดการคงไม่เกินความสามารถของบรรดาเสนาบดี
      

หาก 2 ปัญหานี้รัฐบาลสามารถแก้ปัญหาได้ลุล่วงเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เชื่อว่าไปช่วยแก้ปัญหาด้านอื่นไปด้วยโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในระดับครัวเรือน 

     เพราะ 2 ปัญหานี้ไปสร้างรายจ่ายให้กับสถาบันในครอบครัวโดยไม่จำเป็น เช่น ถ้าแก้ปัญหายาเสพติดบรรลุเป้า จะช่วยลดรายจ่ายของครอบครัวลงได้ เพราะเป็นทราบกันดีว่าพวกขี้ยาจะเกียจคร้านทำงานหารายได้ จะแบมือขอพ่อแม่ ญาติ พี่ น้อง เพื่อซื้อยามาเสพ

    หรือการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือแก๊งพนันออนไลน์ ถ้าสำเร็จจะช่วยให้แต่ละครอบครัวไม่ต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ยิ่งแก๊งพนันออนไลน์ได้ระบาดไปเกือบทุกพื้นที่ของประเทศ มีเพียงโทรศัพท์มือเพียงเครื่องเดียวสามารถเล่นพนันได้แล้ว แถมบางครอบครัวเดือดร้อนเพราะสมาชิกไปแทงพนันฯไม่มีเงินจ่าย ถูกเจ้าของเว็บพนันฯส่งคนมาทวงหนี้ถึงบ้านเลยทีเดียว 

  ปีใหม่นี้จึงอยากให้รัฐบาลเศรษฐา ช่วยลุยแก้ 2 ปัญหาให้บรรลุเป้าเป็นรูปธรรมโดยเร็วก่อน อย่าปล่อยใหัสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบแต่เพียงหน่วยเดียว เพราะหน้างานตำรวจนั้น มันล้นมือมากเกินไปกว่าควรจะเป็นแล้ว ฝากไปคิดแล้วลุยทันที ถ้าทำสำเร็จ เชื่อว่าจะได้เห็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านแต่ละครอบครัวดีขึ้นอย่างแน่นอน ….ลาแล้วปีเก่า …..สวัสดีปีใหม่ครับ..!!