“พระพุทธเจ้าลงจากสวรรค์”ต้นกำเนิดพระพุทธรูปปางเปิดโลกและปางลีลา

970

อ่านสนุกแบบมีทั้งศรัทธาและพาณิชย์ไปกับ คอลัมน์พระบ้าน by ต้นคนชอบพระ

( รูปพระพุทธเจ้าลงจากสวรรค์ )

น เม ทิฎิโฐ อิโต ปุพฺเพ น สุโต อุท กสฺสจิ

เอวํ วคุคฺคโท สตฺฺถา ตุสิตา คณิมา คโต

แปลความว่า การที่พระพุทธเจ้าทรงพระสิริโสภาคอันงามปานนี้ ข้า พระพุทธเจ้ายังไม่เคยเห็นเลย ไม่เคยได้ยินแม้แต่ถ้อยคำ ใครๆ บอกเล่า พระบรมศาสดามีพระสุรเสียงอันไพเราะอย่างนี้เสด็จจากดุสิต มาสู่แผ่นดิน

พระคาถานี้มาจากเมื่อครั้งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จลงมาจากสวรรค์หลังโปรดพุทธมารดาเมื่อสาธุชนและเหล่าพุทธสาวกได้ประจักษ์ถึงอริยาบถอันงดงามยามเยื้องย่างลงสู่พื้นโลกา พระสารีบุตรผู้เป็นพระอคัรสาวกก็ได้เปล่งวาจาคาถาดังข้างต้น และเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธรูปปางเปิดโลกและปางลีลา

สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ให้กำเนิดพระพุทธลักษณะทั้งสองนี้มาจากเมื่อครั้งพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่และประกาศศาสนาเผยแผ่คำสอนและมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆทำให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มนักบวชนิกายอื่นจนใช้อุบายปล่อยข่าวลือว่า

“พระพุทธเจ้าและเหล่าสาวกสิ้นท่าหมดอิทธิฤทธิ์แล้วถึงได้งดการแสดงปาฏิหารย์ต่างๆ ตรงกันข้ามกับเหล่าคณาจารย์เดียรถีย์ ซึ่งมีปาฏิหาริย์มั่นคงเต็มที่และพร้อมที่จะแสดงให้เห็นได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่เชื่อก็เชิญพระพุทธเจ้ามาแสดงปาฏิหาริย์แข่งกันก็ย่อมได้ เพื่อพิสูจน์ว่าใครจะเก่งกว่าใคร “

แต่ฝ่ายพระพุทธเจ้าและสาวกก็วางเฉย เดียรถีย์จึงกล่าวร้ายหนักอีกว่า “พระพุทธเจ้าหมดแล้วซึ่งการแสดงอิทธิฤทธิ์” หนักเข้าพระพุทธเจ้าท่านจึงคิดใคร่ครวญและตัดสินใจที่จะแสดงปาฏิหาริย์ให้พวกเดียรถีย์ได้ประจักษ์เพื่อไม่ให้พระพุทธศาสนาโดนบิดเบือน โดยพระองค์ได้ประกาศว่าจะแสดงยมกปาฏิหาริย์ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ณ ใต้ต้นมะม่วง เมื่อฝ่ายเดียรถีย์รู้ ความดังนั้นจึงไปทำลายต้นมะม่วงทุกต้นในเมืองสาวัตถี แล้วก็ช่วยกันสร้างมณฑปเพื่อแสดงปาฏิหาริย์ของตน และประกาศให้ประชาชนมา ชมความล้มเหลวของพระพุทธองค์ เมื่อถึงกำหนดก็เกิดพายุใหญ่ทำให้มณฑปของเดียรถีย์พังหมดสิ้นส่วน ส่วนพระพุทธเจ้ายังมิได้แสดงปาฏิหาริย์แต่อย่างใด

ในวันเดียวกันนั้นเอง คนเฝ้าพระราชอุทยานของพระเจ้าปเสนทิโกศล ชื่อว่า นายคัณฑะ ได้ถวายมะม่วงผลหนึ่งแก่ พระพุทธเจ้าเนื่องจากมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์ พระพุทธองค์จึงสั่งให้พระอานนท์นำมะม่วงไป ทำน้ำปานะ (ปานะ หมายถึง น้ำ ของสำหรับดื่ม) มาถวายและเอาเมล็ดมะม่วงวางบนดิน เมื่อทรงฉันน้ำปานะ เสร็จ ก็ทรงล้างพระหัตถ์โดยให้น้ำรดลงบนเมล็ดมะม่วง ทันใดนั้นเอง ก็กลายเป็นต้นมะม่วงที่งอกเงยขึ้นมา และต้นใหญ่ หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าก็แสดงปาฏิหาริย์เนรมิตช่อไฟ ช่อน้ำเนรมิต บุคคลที่เหมือนพระองค์ ทุกประการ ทรงแสดงธรรม จงกรม พระพุทธนิมิตให้ประชาชนได้ประจักษ์แก่สายตาจึงเกิดความเลื่อมใส ศรัทธาโดยทั่วกัน

วันรุ่งขึ้นเป็นช่วงเข้าพรรษา พระองค์ประกาศต่อสาธารณชนว่าจะไปจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศนาโปรดเทพบุตร เทพธิดา อดีตพระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดา เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณ ดังนั้นพระองค์จึงได้เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพระพุทธมารดาในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน เมื่อถึงวันออกพรรษาพระพุทธองค์จึงเสด็จ กลับสู่โลกมนุษย์ทางประตูเมืองสังกัสสนคร เป็นการลงจากเทวโลก (เทโวโรหณะ) เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จ ลงมาในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 แล้ว ในวันรุ่งขึ้น (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11) ประชาชนต่างพร้อมใจกันมารับ เสด็จและนำอาหารมาเพื่อทำบุญตักบาตรเป็นจำนวนมาก ประชาชนบางพวกอยู่ห่างไม่สามารถที่จะถวาย อาหารใส่ลงบาตรได้ จึงนำข้าวสาลีมาปั้นเป็นก้อนแล้วโยนใส่ลงในบาตร จนกลายมาเป็นประเพณีนิยมที่ว่า จะต้องทำข้าวต้มลูกโยนซึ่งเป็นข้าวเหนียวห่อด้วยใบมะพร้าวไว้หางยาวเพื่อไว้ใส่บาตรในวันเทโวโรหณะ


เมื่อขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พร้อมด้วยเหล่า เทวดาและพรหมที่ตามมาส่งเสด็จนั้น ขบวนตามเสด็จมาหยุด ณ ประตู สังกัสสนคร เมืองที่พระสารีบุตรจำพรรษาอยู่ พระพุทธองค์ทรงมีพุทธ ลีลาและพระสิริงดงามยิ่ง ครอบงำรัศมีของเหล่าเทวดาและพรหมทั้ง หลาย เป็นภาพที่งดงามเหนือคำบรรยาย เป็นที่ชื่นชมโสมนัสแก่พุทธบริษัทที่เฝ้ารับเสด็จ และพุทธลักษณะทรงยกพระบาทขวาจะก้าว ห้อยพระหัตถ์ขวาท่าไกว พระหัตถ์ ซ้ายยกเสมอพระอุระป้องไปเบื้องหน้า เป็นกิริยาเดินนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของพระพุทธรูปปางลีลา อันสวยงาม

(รูปพระปางลีลา หน้าเสือ เนื้อชินเงิน กรุวัดมหาธาตุ สุโขทัย)​

จากพุทธลักษณะที่อ่อนช้อยสวยงามจับตาและจับใจ ขณะเยื้องกรายก้าวเดินนี้เองที่ทำให้วัตถุมงคลที่ถูกสร้างขึ้นเป็นพระปางลีลาจะถูกใช้เป็นอุปเท่ห์ด้าน เมตตา มหานิยม การทำมาค้าขาย ความเจริญก้าวหน้า เป็นที่นิยมของนักสะสมพระเครื่องวัตถุมงคลในสมัยก่อนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพระปางลีลาที่มาจากกรุต่างไป

เช่น กรุกำแพงเพชร กรุสุโขทัยมีหลายกรุที่น่าเก็บน่าใช้โดยเฉพาะที่มาจากกรุวัดมหาธาตุ โดยพุทธลักษณะ ของพระลีลากรุวัดมหาธาตุ พิมพ์พระมีรูปทรงเรียวยาว เหมือนพระลีลาทั่วไป องค์พระประทับยืนอยู่ในกรอบเส้นโค้งนูนธรรมดา ทรง ประทับด้วยพระบาทซ้ายบนฐานเรียบตรงชั้นเดียว ส่วนปลายพระบาทขวายก ลอยมาจรดด้านหลังพระบาทซ้าย พระหัตถ์ขวาวางขนานทอดลงมาตรงๆ ข้าง พระวรกาย ส่วนพระกรซ้ายยกขึ้นแนบพระอุระ โดยที่พระหัตถ์ซ้ายหงายแผ่ ออกไว้ที่บริเวณตำแหน่งพระอังสา (บ่า) ต่างกับพระลีลาของเมืองอื่น และบางพิมพ์จะมีลักณษณะพิเศษคือตรงพระพักต์จะมีความคล้ายหน้าของเสือ อย่างเช่น พระลีลา หน้าเสือ เนื้อชินเงิน กรุวัดมหาธาตุ ที่จะนำมาลงให้ชมในวันนี้ เป็นพระที่ค่อนข้างหาชมได้ยากโดยเฉพาะองค์สวยๆอย่างองค์ในรูปที่ลงเป็นพระที่เก็บไว้อย่างดีของน้องเก่ง ข่าวสด ใครสนใจก็ลองสอบถามน้องเขาได้ตามอัธยาศัย

มาว่ากันต่อที่สนนราคา พระลีลา กรุวัดมหาธาตุ สภาพปานกลางราคาเช่าหาอยู่ที่หลักหมื่น กลางถึงหมื่นปลาย ถ้าสภาพสวยสมบูรณ์ ไขขี้กรุเดิมๆ สภาพหลักแสนแน่นอน ถ้าเทียบกับ พระลีลา กรุวังหิน ของเมืองพิษณุโลก ซึ่งราคาแพงกว่าเป็นหลัก แสนถึงสองแสนมานานแล้ว เพราะของแท้มีน้อยและหายาก

แต่ไม่ว่าจะ พระลีลากรุสุโขทัย พระลีลากรุพิษณุโลก หรือกรุไหน เชื่อว่าล้วนให้ความ รุ่งโรจน์ในชีวิตแก่ผู้รักความก้าวหน้ามาแล้วแต่โบราณกาล ซึ่งปัจจุบันนี้ พระ ลีลาเมืองสุโขทัย ได้กลายเป็นของหายากเหมือนของเมืองพิษณุโลกไปแล้วเรียบร้อย

คราวหน้ามาลุ้นกัน ว่าจะนำเสนอองค์ไหนครับ

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก สื่อโซเชียล ครับ

ปล. หากมีวัด ศาสนถาน โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯใดที่ต้องการประชาสัมพันธ์การขายวัตถุมงคลหรือบริจาคเพื่อการกุศลอย่างแท้จริง ทางคอลัม์พระบ้าน ยินดีประชาสัมพันธ์ให้ฟรีครับ สนใจลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ ติดต่อ 0818214442 ต้น