”เก้าอี้พิทักษ์ 1“ตำแหน่งอาถรรพ์ ? ”ผบ.ต่าย”นั่งไม่ถึงเดือน เจอขบวนการเขย่าแล้ว

52


     ถ้าจะมองว่าตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)เป็นตำแหน่งอาถรรพ์ คงไม่ผิดนักเพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่ครองตำแหน่งไม่ครบเทอม จะมีเหตุให้กระเด็นตกเก้าอี้ โดยมีปัจจัยทั้งการเมืองภายนอกและการเมืองภายในเขย่าอยู่ตลอดเวลา

     อย่างกรณีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.คนก่อน ครองตำแหน่งเพียง 1 ปีจะเกษียณอายุยังโดนมรสุมการเมืองภายในเล่นงานจนถูกนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีหลายเดือน ก่อนกลับมาเกษียณในตำแหน่งเดิม


    แม้แต่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร  นั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร.อย่างเป็นทางการไม่ถึงหนึ่งเดือน เจอมรสุมลูกเล็กเขย่าแล้ว เมื่อมือมืดปล่อยเฟคนิวส์ด้วยการจัดทำแพลตฟอร์มนำรูปของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐวางประกบข้อความว่า”เป็นหลักประกันความยุติธรรมและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่มีมาตรฐานสากล” จากนั้นแชร์ผ่านสื่อโซเซียลทุกแพลตฟอร์มพร้อมระบุว่าเป็นวิสัยทัศน์ของ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน

         ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ออกมาชี้แจงว่า”ผมยังไม่มีเวลาจัดทำวิสัยทัศน์แต่อย่างใด สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนข้อเท็จจริงว่าผู้ใดจัดทำและเผยแพร่ในโซเซียลมีความประสงค์สิ่งใด หากพบว่าเข้าข่ายเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จจะดำเนินคดีตามกรอบกฎหมายอย่างเด็ดขาด”

       สำหรับข้อความที่ระบุว่าเป็นวิสัยทัศน์นั้นมีการตรวจสอบพบว่าเป็นข้อความลักษณะเดียวกับของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จัดทำขึ้นสมัยเป็น ผบ.ตร.การทำในลักษณะดังกล่าวในยุคปัจจุบันทำได้ง่ายมากและแชร์ทั่วในเวลาอันรวดเร็ว ถ้ามองอย่างวิเคราะห์จากข้อความที่แชร์ เป็นไปได้ว่าผู้ทำมีเป้าประสงค์ให้วิสัยทัศน์นี้ผูกมัดว่าพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ต้องปฏิบัติตาม หากละเลยถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่รักษาคำพูดก็เป็นได้โชคดีที่ออกมาชี้แจงเร็ว

   เพราะด้วยเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนมีคดีที่กระทบกับประชาชนเป็นวงกว้างมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านไม่ว่าจะเป็นคดีแม่ตั๊กป๋าเบียร์ หรือคดีดิไอคอนมีผลประโยชน์เกี่ยวพันในทุกวงการบวกกับปรากฏการณ์ที่สังคมมองว่าเจ้าหน้าที่รัฐกำลังเกิดเหตุแย่งกันทำคดี โดยเฉพาะการติดตามยึดของกลางถูกสังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีพิรุธหลายอย่างจนเกิดดราม่าของกลางราคาแพงปลอมขึ้นมา และที่มองข้ามไม่ได้คือคดีลักทรัพย์ที่ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจถูกแจ้งความดำเนินดี แม้จะดูเป็นคดีธรรมดาแต่ผู้เกี่ยวพันไม่ธรรมดา
   

นอกจากคดีดังกล่าวแล้วยังมีหน้างานอื่นอีกหลายงานที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ต้องขับเคลื่อนคอนโทรล ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งพนันออนไลน์ และปราบปรามยาเสพติด เป็นต้น

    อีกประเด็นหนึ่งมองข้ามไม่ได้คือการแต่งตั้งโยกย้าย รองผบ.ตร.-สารวัตร(สว.)ที่กำลังจะเริ่มขึ้น เพราะมีข่าวสะพัดว่าฝ่ายการเมืองเริ่มเคลื่อนไหวล้วงลูกเพื่อขอจัดทัพเอง ซึ่งพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ต้องวางจังหวะก้าวให้ดีเพราะการแต่งตั้งครั้งนี้กฎหมายตำรวจ 2565 บังคับใช้เต็มรูปแบบ ผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.)ให้พึ่งพิงแล้ว ดังนั้นวิสัยทัศน์ปลอมที่ถูกมือมืดทำแล้วแชร์ออกไปนั้นแค่ชิมลางเพื่อส่งสัญญาณเตือนว่ามหกรรมเลื่อยข้าเก้าอี้หรือมหกรรมแทงข้างหลังเริ่มก่อตัวแล้ว

จากนี้ไปอีกเกือบ 2 ปี บนบัลลังก์เจ้าสำนักปทุมวัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ คงต้องเจออีกหลายปรากฏการณ์ที่จะถูกปล่อยออกมาเล่นงานเพื่อเขย่าเก้าอี้ ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ต้องเตรียมการรับมือให้ดีถ้ามุ่งจะสร้างประวัติศาสตร์นั่งตำแหน่ง ผบ.ตร.จนเกษียณอายุ แม้จะมองกันว่าเวลาไม่ถึง 2 ปี จะสั้นแต่บนเก้าอี้ ผบ.ตร.ไม่ได้สั้นเลยเพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่พร้อมจะเขย่าให้ตกเก้าอี้ได้ตลอดเวลา

      ดังนั้นสิ่งที่ช่วยให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร.จนเกษียณอายุได้ คือต้องโชว์ศักยภาพการบริหารงานทุกด้านให้เป็นที่ประจักษ์สร้างความพึงพอใจให้ประชาชนโดยรวมและที่สำคัญต้องใช้ชั้นเชิงการบริหารให้ตำรวจส่วนใหญ่สัมผัสได้ว่ามีความเป็นธรรมเกิดขึ้นในทุกด้าน แล้วงานตำรวจจะขับเคลื่อนได้แบบเหนือความคาดหมายแน่นอน

   อีกประการที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มองข้ามไม่ได้นั่นคือทีมงานที่อยู่ใกล้ชิดที่คอยชี้แนะให้คำปรึกษาหรือร่วมวางแผนขับเคลื่อนงาน ต้องคัดสรรให้รอบด้านว่ามีประวัติที่ตำรวจส่วนใหญ่คาใจหรือไม่ หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จำเป็นต้องดึงมาช่วยงานต้องมั่นตรวจสอบว่าได้ละเลิกพฤติกรรมแล้วหรือยัง เพราะพฤติกรรมที่ตำรวจคาใจล้วนเกี่ยวพันในทางสีเทาแทบทั้งสิ้น  แต่ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยงเพราะสนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน

    ซึ่งบริบทเหล่านี้คือเกราะอันสำคัญที่จะช่วยค้ำยันและแก้อาถรรพ์ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร นั่งบนบัลลังก์เจ้าสำนักปทุมวันจนเกษียณอายุอย่างแน่นอน !!!