ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายวิบูลย์ธร กมลนฤเมธศ์ อายุ 55 ปี เจ้าของเฟสบุ๊คที่โพสต์ล่ารายชื่อประชาชนส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ถอดถอน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ออกจากตำแหน่งรองผบ.ตร. หลังจากมีการแชร์คลิป ภาพ ลงพื้นที่ค้นหาเด็กและโค๊ช รวม13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย

นายวิบูลย์ธร กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นของการแชร์คลิปของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ขณะลงพื้นที่ในถ้ำหลวงซึ่งมีการสนทนาเรื่องการเจาะผนังถ้ำ และการขออนุญาตนำโดรนบินสำรวจ ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอารมณ์ที่เป็นห่วงเด็ก พอเห็นคลิปทำให้รู้สึกว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ขัดขวาง ก้าวก่าย การทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงทำหนังสือและโพสต์ล่ารายชื่อขึ้นบนเฟสบุ๊คเพื่อถอดถอน พล.ต.อ.ศรีวราห์ พ้นจากตำแหน่ง หลังจากนั้น พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รองผบช.ส.ได้โทรหาและส่งคลิปฉบับเต็มให้ดู พร้อมทั้งอธิบายการทำงานของพล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงรู้ว่าคลิปที่ตนเองดูเป็นเพียงคลิปสั้นๆ ตัดต่อมาเท่านั้น แต่เมื่อดูคลิปฉบับเต็มกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน ซึ่งระยะเวลาสั้นๆสามารถรวบรวมรายชื่อได้กว่า 400,000 คน ตนจึงได้ลบโพสต์นั้นออก แต่ก็มีการแชร์ต่อๆกันอย่างแพร่หลาย ยืนยันไม่มีเจตนาและ ”ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น” และขอเตือนบุคคลที่โพสตบิดเบือนทำให้ผู้อื่นเสียหายให้ระมัดระวังและตรวจสอบ เพราะการทำให้คนอื่นเสียหาย ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็เป็นบาปอีกอย่างหนึ่ง ยืนยันที่พูดไม่ได้เป็นการเอาใจใคร และท่านไม่ได้ถือโทษ ถือสา

ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ขอบคุณที่มาให้ความจริง ความกระจ่าง และให้ความเป็นธรรม ตนมีกำลังใจในการทำงานขึ้นเยอะ ยืนยันว่าตราบใดที่ยังอยู่ในราชการ ก็จะทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป ส่วนการดำเนินคดีกับคนที่ตัดต่อคลิป บิดเบือน จะมีการพิจารณาว่ามีเจตนาทำให้เสียหายหรือไม่ โดยเฉพาะการพาดพิงในคดีต่างๆที่ตนเองทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค้ามนุษย์หรือคดีเสือดำ

ส่วนกรณีที่การนำเสนอจากสำนักข่าวว่า ตนจะเอาผิดเด็ก13 คนนั้น เรื่องนี้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นสำนักข่าวปลอม เผยแพร่มาจากกัมพูชา ซึ่งตนในการแจ้งความร้องทุกข์ไปเรียบร้อยแล้ว จากการตรวจสอบพบพยานหลักฐานว่าการปล่อยข่าวในครั้งนี้มาจากนายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ และพวกที่ออกมาเรียกร้องหน้ายูเอ็น ส่วนการพูดคำหยาบคาย กู มึง ที่ปรากฏในคลิป ตนพูดกับลูกน้อง พูดกับคนสนิท เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ตนจะลงพื้นที่ถ้ำหลวงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

พร้อมกันนี้ ได้ชี้แจงการลงไปปฎิบัติหน้าที่ ว่าเป็นไปตามคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งกำกับดูแลงานด้านกิจการพิเศษ มีการนำกำลังเสริมไปสมทบ มีการประชุมวางแผนการค้นหาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด