ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบปมหนุ่มแจ้งความแต่กลายเป็นโจร-เร่งแก้ไขเยียวยา

456

ผบ.ตร.สั่งการด่วนให้เร่งตรวจสอบกรณีหนุ่มแจ้งความสภ.บางปะอิน แต่ตำรวจสลับข้อมูลกลายเป็นผู้ต้องหา ถูกไล่ออกจากงานพร้อมให้เร่งแก้ไขให้ถูกต้อง-เยียวยาความเสียหาย

วันที่ 19 ต.ค.66 พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีที่นาย ปัญญา (สงวนนามสกุล)​ อายุ 48 ปี ผู้เสียหายที่ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาจากกรณีที่เป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทแห่งหนึ่งเข้าแจ้งความที่ตำรวจภูธร บางปะอินในคดีหลักทรัพย์ เมื่อปี 2564 แต่จากเหตุการณ์นั้นเลขบัตรประชาชน 13 หลักของนาย ปัญญา ถูกระบุในส่วนผู้ต้องหาแทนที่จะเป็นผู้เสียหายจนทำให้ นายปัญญาไม่สามารถสมัครเข้าทำงานที่ใหม่ได้และมีประวัติอาชญากรติดตัว ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวให้ครบทุกมิติ ในเรื่องความบกพร่องของการคีย์ข้อมูลพนักงานบริษัท จนทำให้ถูกไล่ออก ในเรื่องนี้ตำรวจต้องเข้าไปช่วยเหลือเยียวยา ปรับแก้ข้อมูลให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงโดยด่วน และระวังไม่ให้เกิดเหตุเช่นเดิมซ้ำอีก  โดยจะ ต้องมีการตรวจสอบว่ามีเจตนาอย่างไรหรือเป็นความผิดพลาดของตัวเจ้าหน้าที่เองต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนว่าข้อเท็จจริงสุดท้ายเป็นอย่างไร ส่วนจะเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่หรือไม่คงต้องรอผลการตรวจสอบเพราะข้อมูลต่างๆที่อยู่ในกองทะเบียนประวัติอาชญากร หรือ ทว. ต้องไปดูว่ามีการนำเข้าข้อมูลมาจากแหล่งไหน เบื้องต้น ผบ.ตร.ได้สั่งให้ผู้บัญชาการภาค 1 ไปดำเนินการตรวจสอบให้เรียบร้อยเกี่ยวกับการเยียวยาผู้เสียหายแล้ว

โฆษก ตร.กล่าวว่าในส่วนของคดีสามารถแก้ไขได้หรือไม่นั้น ระบุว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่จะเร่งรัดดำเนินการให้โดยด่วน ส่วนจะสรุปข้อเท็จจริงต่างๆได้เมื่อไร ต้องรอผลการตรวจสอบให้แน่ชัด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังดำเนินการอยู่ทั้งเรื่องของผลคดี กับการลบประวัติเพื่อคืนความถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องเร่งเชื่อมโยงข้อมูลให้เรียบร้อยไม่ให้กระทบกับสิทธิประชาชนผู้บริสุทธิ์ในการเข้าไปทำงาน และเป็นการรักษาเกียรติยศชื่อเสียง

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์