พลันที่คลิป พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ถูกชายไทยอ้างเป็นเจ้าของร้านด่ากราดไล่ออกจากร้าน เพราะแค้นที่ทำกับประเทศไทย ขณะท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ พร้อมคณะ
กลายเป็นดราม่าเดือดในโลกออนไลน์ มีกลุ่มที่เห็นด้วยมองว่าการกระทำและการตัดสินใจของหมอพรทิพย์ย่อมมีผลตามมา กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยมองว่าเป็นการแสดงออกทางการเมืองอย่างรุนแรงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่ควรกระทำไม่ว่าขั้วใดก็ตาม
ขณะเดียวกันมีความเห็นจากทั้งนักการเมืองและนักวิชาการที่หลากหลาย บ้างก็มองว่าสังคมถูกสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้น บ้างบอกว่าประชาธิปไตยหัวใจคือการเคารพในความเห็นต่างทางความคิด หากคิดต่างแล้วนำความคิดนั้นไปบูลลี่หรือไปแสดงกริยามารยาทอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่เหมาะกับบุคคลอื่นนั้นไม่ต่างอะไรกับเผด็จการ
ส่วน นายสมชาย แสวงการ สว.ในฐานะประธานกรรมาธิการ(กมธ.)สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ถึงขั้นนำประเด็นหมอพรทิพย์เข้าหารือในที่ประชุม กมธ. พร้อมมีมติ ส่งหนังสือถึง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ทูตไทยในกรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์กที่ดูแลพื้นที่ไอซ์แลนด์ รวมถึงส่งหนังสือไปยังกงสุลกิตติมศักด์ และรัฐสภาไอซ์แลนด์ เป็นต้น เพื่อให้พิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้น และเตรียมร่างหนังสือร้องทุกข์ให้หมอพรทิพย์พิจารณายื่นดำเนินคดีอาญาอีกด้วย
เมื่อมองถึงภาพรวมในการแสดงความเห็นแล้วต่างมุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งทางการเมืองทั้งสิ้น แต่ไม่มีใครถามถึงสามัญสำนึกของ สว.และสส.ที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศระหว่างสมัยประชุมรัฐสภาเลย
แม้หมอพรทิพย์ จะอธิบายว่า “เพื่อนเรียนหลักสูตรสถาบันพระปกเกล้ามีทั้ง สส. จัดทริปปีละครั้ง มักจัดในช่วงปิดประชุมสภา เนื่องด้วยเป็นทริปที่จองล่วงหน้าเป็นปี และการเลือกตั้งที่ผ่านมาทำให้กำหนดการเดิมสภาเลื่อน จึงเกิดทริปดังกล่าวขึ้นในช่วงเปิดประชุมสภา”
จึงขอตั้งคำถามว่าระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวกับภาระหน้าที่หลักของผู้ทรงเกียรติอันไหนสำคัญกว่ากัน เพราะอย่าลืมว่าทั้ง สว.และสส. มีสิทธิพิเศษต่างๆมากมาย ชาวบ้านต้องจ่ายภาษีจำนวนมากให้ไปทำหน้าที่ และในแต่ละปีมีการประชุมเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
“ยิ่ง สว.ที่เป็นข้าราชการบำนาญนอกจากได้เงิน สว.ยังได้รับเงินบำนาญอีกทุกเดือนจนกว่าจะตาย”
เมื่อส่องรายได้ของ สส.จะพบว่าเงินประจำตำแหน่ง 71,230 บาท เงินเพิ่ม 42,330 บาท รวมเป็นเงิน 113,560 บาท/เดือน สว.มีเงินประจำตำแหน่ง 71,230 บาท เงินเพิ่ม 42,330 บาท รวมเป็นเงิน 113,560 บาท/เดือน และมีสิทธิพิเศษอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล นั่งเครื่องบิน รถเมล์ และรถไฟฟรี
นอกจากนี้ สส.และสว.สามารถมีผู้ช่วยได้ 8 คน แบ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ประจำตัว 1 คน มีเงินเดือนๆละ 24,000.-บาท ผู้ชำนาญการประจำตัว 2 คน มีเงินเดือนๆละ 15,000 บาท ผู้ช่วยดำเนินการประจำตัวอีก 5 คน มีเงินเดือนๆละ 15,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 129,000 บาท รวมเป็นเงินภาษีชาวบ้านต้องจ่ายให้สว., สส.และบริวารเดือนละ 242,560 บาท
พวกบริวารของทั้ง สส.และสว.ต่างทราบกันดีว่าส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติ ลูกหลาน แต่เพื่อลดข้อครหาว่าจ้างเครือญาติ จะใช้ลักษณะจ้างฝ้าย เช่น สว.เอ ฝากลูกให้ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ สว.บี สว.บี ฝากลูกให้ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ สว.ซี และสว.ซี ฝากลูกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ สว.เอ
“ชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเราต้องจ่ายภาษีบำรุงบำเรอให้พวกผู้ทรงเกียรติมากมายในแต่ละเดือน กลับละทิ้งหน้าที่อันสำคัญที่ต้องทำเพื่อส่วนรวมและประเทศ ด้วยการเลือกที่จะไปเสพสุขในต่างแดน แม้หมอพรทิพย์ จะแก้ตัวว่าเพราะการเลือกตั้งทำให้กำหนดการเปิดปิดสภาเลื่อน จึงต้องไปท่องเที่ยวเพราะจองกันมาเป็นปีแล้ว“
จึงขอตั้งคำถามไปยัง สว.และสส.ทั้งหลายว่าพฤติกรรมแบบนี้เหมาะสมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเหล่า สว.ที่อ้างเป็นคนดีเที่ยวสั่งสอนเด็ก เยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา ทั้งหลายว่าต้องรู้ภาระหน้าที่ของตัวเองว่าหน้าที่หลักคืออะไร บางคนถึงขั้นเสนอให้ฟื้นหลักสูตรหน้าที่พลเมืองดี ให้เด็กเรียนอีกต่างหาก
แต่พอพวกตัวเองละเลยหน้าที่กลับปกป้อง อย่าง นายสมชาย และกมธ.ฯแทนที่ จะตรวจสอบว่าขัดจริยธรรมอันดีของ สว.หรือไม่ เป็นลำดับแรกก็ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาหารือแต่อย่างใด กลับออกมติปกป้องถึงขั้นทำหนังสือไปสอบถามถึงประเทศไอซ์แลนด์ รวมทั้งจะให้ดำเนินคดีอาญากับชายไทยที่ไล่หมอพรทิพย์ อีกต่างหาก
ชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเราคงทำอะไรได้ไม่มาก เพียงแต่ขอถามไปยัง สส.และสว.ทั้งหลายว่ามีสามัญสำนึกกันมากน้อยเพียงไหน ระหว่างต้องทำหน้าที่หลักเพียงไม่กี่เดือนระหว่างเปิดสมัยประชุม กับเลือกเดินทางท่องเที่ยวเสพสุขในต่างแดนระหว่างสมัยประชุม
แต่ถ้าทั้ง สว.และสส.ไร้สำนึกให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวมากกว่างานหลัก ควรลาออกไปท่องเที่ยวเถอะ แล้วเลิกสั่งสอนเยาวชนทั้งหลายว่าต้องรู้หน้าที่หลักคืออะไรด้วย เพราะถ้ายังพร่ำสอนจนลืมดูตัวเอง ระวังเด็กจะถอนหงอก !!!