ชวนรู้จัก 3 มูลนิธิเพื่อเด็กไทย ในงานวิ่ง ทีทีบี | ธนชาตประกันภัย พาร์ครัน 2023 เปลี่ยนพลังเป็นโอกาสด้านสุขภาพ โภชนาการ และการเรียนรู้ให้น้อง

93

“เยาวชน” คือ “ต้นกล้า” ที่ต้องบ่มเพาะและดูแลเพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จึงมุ่งส่งต่อความช่วยเหลือ สนับสนุนเด็กที่ประสบปัญหา หรือด้อยโอกาสมาอย่างต่อเนื่องผ่านมูลนิธิองค์กรการกุศลต่าง ๆ โดยในปีนี้ ทีทีบีร่วมกับพันธมิตรใหม่ “ธนชาตประกันภัย” จัดกิจกรรมเดิน-วิ่งมินิมาราธอนการกุศลแห่งปี “ทีทีบี l ธนชาตประกันภัย พาร์ครัน 2023” ภายใต้แนวคิด Run for Change ที่จะเปลี่ยน…ทุกพลังเป็นของขวัญให้น้อง ซึ่งจะนำรายได้จากการสมัครวิ่งแบบไม่หักค่าใช้จ่ายและเงินบริจาคไปมอบให้ 3 มูลนิธิ ได้แก่ มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม, โครงการ FOOD FOR GOOD โดย มูลนิธิยุวพัฒน์ และโครงการไฟ-ฟ้า โดย มูลนิธิทีทีบี เพื่อเติมเต็มโอกาสให้น้อง ๆ อย่างรอบด้าน ทั้งสุขภาพ โภชนาการ และการเรียนรู้ ซึ่งวันนี้จะชวนไปทำความรู้จักกับบทบาทและเรื่องราวของทั้ง 3 มูลนิธิเพื่อเด็กไทย

ทันตแพทย์หญิงยุพเรศ นิมกาญจน์ ประธานกรรมการมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม กล่าวว่า มูลนิธิสร้างรอยยิ้มเป็นมูลนิธิไม่แสวงหากำไร โดยนำเงินระดมทุนไปใช้เพื่อการผ่าตัดรักษาเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ได้รับการผ่าตัดไปแล้วกว่า 16,000 ราย โดยในแต่ละปีทางมูลนิธิจะนำแพทย์อาสาลงไปช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกล และร่วมมือกับโรงพยาบาลพันธมิตรในการผ่าตัดช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีการต่อยอดทักษะความรู้ด้านผ่าตัดศัลยกรรมพลาสติกของแพทย์อาสา เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีภาวะอื่น ๆ อย่างไม่แบ่งแยกฐานะหรือเชื้อชาติ โดยมีเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้คนให้ได้ 750 – 1,000 คนต่อปี

“ในฐานะตัวแทนของมูลนิธิฯ รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับงานวิ่งพาร์ครันครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้มาช่วยเหลือเด็กที่ขาดแคลนโอกาส ให้ได้เข้าถึงการรักษาที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงอยากขอเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมเปลี่ยนพลังกายให้เป็นโอกาสสำหรับน้อง ๆ เพื่อรอยยิ้มที่สดใสในวันข้างหน้า” ทันตแพทย์หญิงยุพเรศกล่าว

ด้านนางสาวประภาพรรณ บรรลุศิลป์ รองผู้อำนวยการ โครงการ FOOD FOR GOOD โดย มูลนิธิยุวพัฒน์ เล่าว่า ปัจจุบันโครงการ FOOD FOR GOOD ภายใต้การดูแลของมูลนิธิยุวพัฒน์ ได้ดำเนินการมากว่า 9 ปี โดยทางโครงการมีความเชื่อว่า โภชนาการอาหารที่ดีเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโต ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนระดับประเทศ เนื่องจากเด็กไทยมีภาวะเตี้ยแคระแกร็นค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ภาวะโภชนาการไม่ได้ส่งผลกระทบแค่การมีร่างกายที่อ้วนหรือผอมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ หากประชากรมีภาวะโภชนาการที่ไม่ดีอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพนำมาสู่ค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น รวมไปถึงยังส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองและร่างกายของเด็ก นำไปสู่ปัญหาทางการเรียนรู้หรือโอกาสในการประกอบอาชีพ จนลุกลามกลายเป็นปัญหาด้านทรัพยากรบุคคลของประเทศ

“ทางโครงการรู้สึกขอบคุณทีทีบีและธนชาตประกันภัย รวมไปถึงทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันผลักดันประเด็นปัญหาเกี่ยวกับเด็ก โดยเงินบริจาคที่ได้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะนำไปสนับสนุนค่าอาหารและการเกษตร เพื่อสร้างแหล่งอาหารปลอดภัย และทักษะการเรียนรู้ให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล รวมทั้งยังดูแลช่วยเหลือเรื่องน้ำดื่มและการเก็บรักษาอาหารผ่านเทคโนโลยีตู้แช่โซลาร์เซลล์ และส่วนที่สองจะถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางโภชนาการที่ถูกต้องแก่บุคลากรที่มีส่วนในการดูแลอาหาร และสุดท้ายนี้อยากฝากถึงทุกคนว่า การเริ่มแบ่งปันจากสิ่งที่เรามีความสนใจ มีความถนัด ลงแรง ลงขัน ลงสมอง หรือบางท่านชอบออกกำลังกายด้วยการวิ่ง นอกจากเราได้สุขภาพของตนเองแล้ว ก็ยังได้ทำเพื่อคนอื่น อย่างเช่น การวิ่งพาร์ครันในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งต่อโอกาสให้กับน้อง ๆ อีกหลายคนที่ต้องการ” นางสาวประภาพรรณกล่าว

ปิดท้ายที่นางสาวมาริสา จงคงคาวุฒิ หัวหน้ากิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืน ทีเอ็มบีธนชาต และผู้ดูแลโครงการไฟ-ฟ้า โดย มูลนิธิทีทีบี กล่าวว่า ภารกิจหลักของมูลนิธิทีทีบีคือ “โครงการไฟ-ฟ้า” โดยคำว่า “ไฟ” หมายถึงพลังความสร้างสรรค์ของเด็ก และ “ฟ้า” คือสีของการให้ ซึ่งมูลนิธิทีทีบีมีปรัชญาในการดำเนินงานคือ การสอนจับปลาแทนการให้ปลา เพื่อเป็นการให้ความรู้อย่างยั่งยืนแก่เด็กกลุ่มเป้าหมายในชุมชนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี ได้มีพื้นที่ในการเรียนรู้ทักษะชีวิตและวิชานอกห้องเรียนผ่านศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าทั้ง 5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้เด็กนำความรู้ไปใช้เปลี่ยนแปลงตัวเอง รวมทั้งยังปลูกฝังให้เด็กรู้จักนำความรู้ไปต่อยอดช่วยเหลือสังคม ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 14 ปี มีเด็กในชุมชนที่ได้รับการช่วยเหลือและจุดประกายแล้วกว่า 10,000 ราย

“ ขอฝากงานวิ่งพาร์ครันให้เป็นหนึ่งงานในดวงใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสายวิ่งมืออาชีพ สายวิ่งมือสมัครเล่น หรือนักวิ่งสายบุญ ก็สามารถมาร่วมกับกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ได้ เพราะนอกจากจะได้สุขภาพดีแล้ว ยังได้ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายให้น้อง ๆ ได้มีรอยยิ้ม และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นค่าบัตรวิ่งและเงินบริจาคก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย” นางสาวมาริสากล่าวทิ้งท้าย

มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศที่https://parkrun.ttbfoundation.org/ พร้อมเปิดจำหน่ายบัตรวิ่งตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2566 และร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้ – 23 ธันวาคม 2566 โดยค่าบัตรวิ่งและเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ มีรายละเอียดดังนี้

• Parkrun วิ่งในสวน บัตรวิ่งราคา 700 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่ง) และร่วมวิ่งพร้อมกัน 3สวน ได้แก่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์, สวนจตุจักร และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ในวันที่ 23 ธันวาคม 2566 (สามารถร่วมสะสมระยะวิ่งในรูปแบบ Virtual Parkrun ได้)

• Virtual Parkrun วิ่งสะสมระยะ บัตรวิ่งราคา 600 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่ง) ร่วมส่งผลวิ่งเพื่อสะสมระยะได้ตั้งแต่วันนี้ – 23 ธันวาคม 2566