เจาะแฟ้มเครือข่ายยาโยงพวกมีสี (ตอน2)

1873

เจาะแฟ้มเครือข่ายยาโยงพวกมีสี (ตอน2) แนะนายกฯล้างบ้าน- ขจัด ขรก.นอกลู่ คาดนโยบาย”1 ปี ยาลด-4 ปีหมด”เข้าเป้า


            ชาวบ้านที่ลูกหลานหรือสมาชิกในครอบครัวตกเป็นทาสยาเสพติดหรือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากพวกขี้ยาสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ไม่ว่า จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งจับเป็นตัวประกัน หลอนเผาบ้านเผาวัด หรือก่อเหตุลักทรัพย์ คงรู้สึกคลายกังวลระดับหนึ่ง  เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศว่าภายใน 1 ปี ยาเสพติดจะลดลงและจะหมดภายใน 4 ปี พร้อมประกาศนั่งหัวโต๊ะบัญชาการเอง

    โดยเชื่อมั่นว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะมีศักยภาพเทียบเท่ารัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่เคยปราบยาบรรลุเป้าประทับใจชาวบ้านมาแล้ว

   แต่การบ้านข้อนี้ นายเศรษฐา จะต้องศึกษาข้อมูลเครือข่ายองค์กรยาเสพติดที่มีมวลสมาชิกแทรกอยู่เกือบทุกองค์กรของภาครัฐให้ละเอียดพร้อมใช้มาตรการจัดการแบบเฉียบขาดก่อนเปิดยุทธการ เพื่อให้นโยบายปราบยาบรรลุผล

  ซึ่ง ทีมสกู๊ปข่าวสำนักข่าวไทยแทบลอยด์ ได้นำเสนอเกี่ยวกับพฤติกรรมแก๊งยาเสพติดข้ามชาติผ่านคำให้การของสมาชิกแก๊งที่ตกเป็นผู้ต้องหาต่อทีมสืบสวนสอบสวนขยายผลไปแล้ว 1 ตอน โดยสะท้อนถึงการลำเลียงยาเสพติดบิ๊กล็อตเข้าไทยถึง 3 ครั้งในปี 2562 ถูกจับกุม 1 ครั้ง ยึดของกลางยาไอซ์หนัก 1,500 กิโลกรัม

  ในระหว่างดำเนินคดีผู้ต้องหาบอกว่ามีการซื้อพยานหลักฐานเพื่อล้มคดี พร้อมกับเล่าถึงเส้นทางที่เดินเข้าสู่องค์กรยาเสพติดจนเป็นที่วางใจของนายเฉิน เจ้านายใหญ่

   ผู้ต้องหาเล่าว่าเป็นชาวเพชรบุรี อายุ 22 ปี สมัครเป็นทหารเกณฑ์ เป็นเวลา 2 ปี ระหว่างนั้นได้ศึกษาหาความรู้เรื่องการซ่อมบำรุงอาวุธปืน จนมีความชำนาญเกี่ยวกับอาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนเอชเค ปลายปี 2557 ได้เดินทางไปราชการส่งอาวุธปืนและลูกระเบิดให้กับค่ายทหารในจังหวัดเชียงราย ระหว่างนั้นได้รู้จักกับนายพันย.ประจำที่ค่ายทหารในภาคกลาง จากนั้นติดต่อกันมาตลอด
 
กระทั่งปลายปี 2558 ปลดประจำการ นายพันย.ชักชวนไปร่วมงานด้วย ทำหน้าที่ซ่อมอาวุธปืนในค่ายทหารแห่งหนึ่งในภาคกลาง ประมาณปีเศษ นายพันย.ได้แนะนำให้รู้จักกับนายเฉิน หัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งปี 2558 ถูกจับคดียาเสพติด 20,000 เม็ด ได้รับการประกันตัว นายพันย.มอบหมายให้ผมพร้อมพวกอีก 2 คน นำรถตู้ไปรับนายเฉิน จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปส่งที่ท่าขี้เหล็ก ผ่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย

      เมื่อถึงท่าขี้เหล็กก็เดินทางไปประเทศผ่านทางช่องทางธรรมชาติ โดยนั่งเรือข้ามแม่น้ำแม่สาย ถึงฝั่งพม่ามีนายยี่ชาวพม่านำรถมารับไปพักบ้านนายยี่ เป็นบ้านสมัยใหม่หลังใหญ่ 2 ชั้น  มีหลายห้องและมีห้องใต้ดินด้วย ห่างจากชายแดนไทย 100-200 เมตร มีการอารักขาเข้มมาก โดยบุคคลแต่งกายคล้ายทหารพม่าประมาณ 20 คน อาวุธครบมือประกอบด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 
   
“ชั้นใต้ดินบ้านนายยี่มีทองคำอยู่ประมาณ 5-6 ตัน ที่ผมทราบเนื่องจากเจ้านายให้นำเงิน 340 ล้านบาทใส่รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ จากร้านแลกเงินเมียวดีไปแลกเป็นเงินหยวนที่ท่าขี้เหล็กแล้วส่งมอบให้ลูกน้องเจ้าของยาไอซ์ ต่อมาคนของนายยี่มารับผมไปเอาทองคำที่ห้องใต้ดินบ้านนายยี่ ช่วงที่นายยี่ไม่อยู่บ้าน แต่มีทหารพม่าเฝ้าอยู่ 20 นายพร้อมอาวุธครบมือ ผมลงไปขนทองพบว่าทองคำจำนวน  250 ลังละ 4 กิโลกรัม ไปส่งให้เจ้านายที่เมืองย่างกุ้ง”ผู้ต้องหากล่าวอ้างพร้อมระบุว่า หลังนายพันย.ให้เข้าไปอยู่กับนายเฉิน ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่คุ้มครองการขนอาวุธและลำเลียงยาเสพติด รวมถึงคุ้มกันนายเฉินด้วย

  ผู้ต้องหายังเล่าถึงขั้นตอนจ่ายสินบนล้มคดีจับยาไอซ์ 1,500 ว่า มีการซื้อดีเอ็นเอที่ก้นบุหรี่ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิด โดยเจ้านายสั่งลูกน้องให้โอนเงินให้ทนายความเพื่อไปจ่ายให้กับตำรวจภูธรภาค 6 โดยซื้อภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพรถบรรทุกยาวิ่งผ่านก่อนถูกจับกุมเป็นเงิน 1 ล้านบาท พร้อมจ่ายเงินซื้อดีเอ็นเอที่ก้นบุหรี่เป็นเงิน 3.4 ล้านบาท

“หลังจากรถขนยาเสพติดมีตำรวจหญิงคนหนึ่งที่รับเคลียร์เส้นทางโทรศัพท์แจ้งเจ้ลินว่ารถขนยาถูกจับ ระหว่างเคลียร์คดีมีคนอ้างว่าเป็นตำรวจจากส่วนกลาง มาที่เมียวดีคอมแพ็คและก่อนหน้านี้มีบุคคลอ้างเป็นตำรวจพร้อมพวกมาที่เมียวดีคอมแพ็คหลายครั้ง”ผู้ต้องหาอ้าง

  ข้อมูลตอนที่ 2 ที่นำเสนอเป็นคำให้การของผู้ต้องหาคนเดียวกับที่นำเสนอในตอนที่ 1 ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องรอการพิสูจน์
     
แต่ทีมสืบสวนสอบสวนขยายผลได้สอบปากคำผู้ต้องหาพร้อมกับให้ชี้ภาพบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างพร้อมลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะนำเสนอให้ผู้บัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากยื่นเรื่องแล้วไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งที่เวลาล่วงเลยมากว่า 2 ปีแล้ว
 
จากการนำเสนอคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 2 ตอน พอสะท้อนให้เห็นว่าองค์กรค้ายาเสพติดที่ขยายเครือข่ายกว้างขวางเพราะเจ้าหน้าที่รัฐสมยอม คอยเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจเจริญงอกงาม

  ที่สำคัญผลสอบนี้ผ่าน ผบ.ตร.มาแล้ว 2 คน แต่กลับถูกเก็บซุกทั้งที่ควรจะนำพิสูจน์เพื่อทำความจริงให้กระจ่าง  อย่างน้อยช่วยล้างมลทินให้กับตำรวจและนายทหารที่ถูกกล่าวหาโดยไม่มีสิทธิ์แก้ต่างอย่างน้อย 5 คน ได้แก้ข้อกล่าวหาให้พ้นบ่วง !!! พรุ่งนี้ ติดตามตอนจบ
 

  #ทีมสกู๊ปข่าวสำนักข่าวไทยแทบลอยด์