ชี้แนวโน้ม กก.เล่นเกม”ต้นตรงปลายคด”
มองผ่านปม”หมออ๋อง”ส่อเกาะเก้าอี้ รองปธ.
                                 

485


                                 
         นับแต่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ได้เขียนชื่นชมมาโดยตลอดพร้อมกับคอยลุ้นให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แม้จะพอรู้ข้อมูลมาบ้างว่าลุ้นไม่ขึ้น

       แต่ระหว่างที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินเกมจับขั้วพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมถึงขั้นทำเอ็มโอยู ได้เห็นความมุ่งมั่นของสมาชิกพรรคในการเดินหน้าเก็บข้อมูลการทุจริตในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะบทบาทของนายวิโรจน์ ลักขณาอิศร แกนนำพรรค ออกมาเปิดโปงสติ๊กเกอร์ส่วยรถบรรทุกที่เป็นทากดูดเลือกวงการขนส่งของประเทศมานาน มาพร้อมกับคำสัญญาว่าถ้าเป็นรัฐบาลจะจัดการเด็ดขาด

     ขณะเดียวกันคอลัมน์”ดาวดำวิพากษ์ข้อเท็จจริง”ได้นำเสนอข้อมูลการทุจริตในรูปแบบต่างๆในวงราชการควบคู่ไปด้วยภายใต้”เชื้อชั่วไม่วันตาย”เพื่อหวังแบบเล็กๆให้ก้าวไกลได้นำจัดการแก้ปัญหา

    เมื่อก้าวไกลไม่ได้ไปต่อก็เห็นความพยายามของ ส.ส. เดินเก็บข้อมูลการทุจริตแบบไม่ลดวาราศอก ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าก้าวไกล ต้องแสดงบทบาทฝ่ายค้านแบบคุณภาพคับแก้วเหมือนเดิม เดินเกมการเมืองแบบสร้างสรรค์ไม่จมปลักกับการเมืองน้ำเน่า

   แต่พอเวลาทอดยาวพลาดโอกาสเป็นรัฐบาลก็เกิดอาการงอแง ตามจิกตามบี้พรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลจนเกินงาม ทั้งที่ได้แถลงท่าทีให้สังคมได้รับทราบแล้วว่าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ตระบัดสัตย์ต่อสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน จนเป็นที่รับรู้ในวงกว้างแล้ว

 ในจังหวะเดียวกันแกนนำพรรคอย่าง นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะรองประธานสภาคนที่ 1 แสดงบทบาทที่ไม่เหมาะสม ดื่มเบียร์โชว์ผ่านสื่อโซเชียล จนถูกติงว่าส่อทำผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงกรณีใช้งบรับรองของรองประธานสภาฯ เลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภาฯ 370 คน ถูกวิจารณ์หนักว่าใช้งบหลวงโฆษณาตัวเองผิดประเภทหรือไม่
 
ทั้งสองกรณีแกนนำก้าวไกลรวมถึง นายปดิพัทธ์ ออกมาตอบโต้ว่าไม่ผิด แต่กรณีดื่มเบียร์โชว์ได้เข้าพบสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับช่องทางกฎหมาย โดยสองกรณีถูกสังคมมองว่าไม่เหมาะสม ไม่สมกับมาตรฐานทางการเมืองที่พรรคก้าวไกลตั้งไว้สูงว่าต้องทำการเมืองตรงไปตรงมา 

    แต่การเมืองตรงไปตรงมาของก้าวไกลกำลังถูกจับจ้องว่าการปฏิบัติเป็นจริงหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคก้าวไกล จะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่มีตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ค้ำอยู่ เพราะตามกฎหมายผู้นำฝ่ายค้านจะต้องไม่มี สส.ของพรรคมีตำแหน่งใดๆทั้งในส่วนของรัฐบาลและสภาฯ 

  จนเกิดการทำนายล่วงหน้าว่าพรรคก้าวไกลอาจจะต้องการทั้งสองตำแหน่ง ใช้เทคนิคทางกฎหมายตีตลบกินรวบโดยอ้างว่าต้องการได้อำนาจทางสภาเพื่อผลักดันกฎหมายสำคัญ

      มีการวิเคราะห์กันว่าเพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 กรรมการพรรคก้าวไกลอาจจะลงมติขับนายปดิพัทธ์ พ้นพรรคแล้วไปหาพรรคใหม่สังกัด ซึ่งมีกระแสว่าพรรคเป็นธรรม แบะท่ารอรับอยู่แล้ว

    โดยนายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรมบอกว่า”ยังไม่พูดคุยอย่างเป็นทางการระหว่างพรรคเป็นธรรมกับพรรคก้าวไกลมีเพียงการพูดคุยส่วนตัวระหว่างผมกับนายปดิพัทธ์ว่าถ้ามีอะไรก็พูดคุยกันได้”

  ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่าหากพรรคก้าวไกลตัดสินใจขับนายปดิพัทธ์ จะยิ่งกว่าละคร ในอนาคตนายปดิพัทธ์ อาจจะลำบากในการทำหน้าที่รองประธานฯเพราะการถูกขับออกจากพรรคจะต้องขัดมติพรรคอย่างรุนแรงและ“เป็นตราบาป” 

 แต่เมื่อจับอาการของนายปดิพัทธ์ พออนุมานได้ว่าอาจจะเล่นเกมถูกขับจากพรรค เพื่อเกาะเก้าอี้รองประธานสภาฯต่อ เพราะการเดินทางไปขอดูงานที่สิงคโปร์พอสะท้อนได้ เพราะคณะที่ไป นายปดิพัทธ์ ระบุว่าเป็นคณะทำงานของตนที่ตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนโครงการรัฐสภาโปร่งใส
 
มีการตั้งคำถามมากมายว่าใช้งบประมาณสูงเกินไปหรือไม่ มีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องรีบไป และทำไมต้องไปสิงคโปร์ทั้งที่สภาของสิงคโปร์ไม่มีฝ่ายค้าน ประเด็นเหล่านี้หากเกิดกับพรรคการเมืองอื่นคงไม่มีใครตั้งคำถาม แต่บังเอิญว่าเป็นพรรคก้าวไกลที่ตั้งมาตรฐานตรวจสอบคนอื่นไว้สูง แต่ผ่อนปรนเมื่อตัวเองกระทำ

   ประเด็นที่ตอกย้ำว่านายปดิพัทธ์ จะเกาะเก้าอี้ คงจะเป็นประเด็นที่ระบุว่าคณะที่ไปเป็นทีมงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนงานในส่วนรองประธานสภาคนที่ 1 ถ้าหากไม่หวังเก้าอี้รองประธานสภาฯ การเดินทางไปดูงานครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นการสูญเสียงบประมาณประเทศโดยจำเป็น เพราะไม่เกินเดือนตุลาคมนี้คงจะมีการโปรดเกล้าฯตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ถ้าพรรคก้าวไกลอยากเป็นผู้นำฝ่ายค้านนายปดิพัทธ์ต้องไขก๊อก

 แต่ถ้าพรรคก้าวไกลจะเล่นบทกินรวบทั้งสองตำแหน่ง ขับนายปดิพัทธ์ พ้นพรรคไปฝากเลี้ยงไว้ที่พรรคเป็นธรรม มาตรฐานที่บรรดาแกนนำพรรค รวมแกนนำคณะก้าวหน้า คุยโวกับสังคมว่าจะสร้างการเมืองใหม่ เปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น คงเป็นแค่วาทกรรมที่ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อหลอกลวงประชาชน การเมืองลักษณะนี้ชาวบ้านได้เรียนรู้จนชินแล้วว่าน้ำเน่า

  ถ้าพรรคก้าวไกลเลือกเส้นทางนี้จริงไม่ต่างกับพรรคการเมืองอื่นที่เหล่าแกนนำก้าวไกลและแกนนำก้าวหน้ากล่าวหาว่าเป็นพวกตระบัดสัตย์ โกหก ประชาชน เพราะอย่าลืมว่าก้าวไกลได้ตั้งมาตรฐานทางการเมืองไว้สูงเป็นการเมืองที่ตรงไปตรงมา หรือเพียงเพื่อเก้าอี้รองประธานสภาฯแค่ตำแหน่งเดียวจะยอมทิ้งมาตรฐานนี้ แล้วไปเลือกเดินทางแบบ”ต้นตรงปลายคด” !!!